ดิฉันตื่นขึ้นมาตอนเช้านี้ไม่ค่อยสดชื่นเหมือนเช่นทุกวัน  เพราะครุ่นคิดถึงภาพต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในความฝันก่อนที่จะตื่นนอน  ความกลัว ความหวาดเสียว ยังติดอยู่กับความรู้สึก ดังกับว่าดิฉันได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ   มันไม่ค่อยบ่อยนักที่ความฝันจะมีอิทธิพลต่อดิฉันขนาดนี้  โดยเฉพาะ 2-3 ปีให้หลังมานี้ ถึงจะมีก็ไม่ค่อยคิดมากเท่ากับครั้งนี้ เพราะดิฉันเป็นคนที่ฝันได้ทุกคืน คืนไหนไม่ฝันนับว่าเป็นคืนที่พิเศษ แต่ครั้งนี้ดิฉันคิดมาก คิดกลับไปกลับมา และตั้งคำถามว่า มันเป็นอะไร และมีความหมายว่าอย่างไร ที่สำคัญพระเจ้ากำลังจะแจ้งอะไรแก่ดิฉัน ทำให้คิดใคร่ครวญเกือบทั้งวันและในที่สุดจึงอธิษฐานถามพระเจ้าว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงประสงค์จะบอกอะไรแก่ข้าพระองค์ให้ทราบในการรับใช้พระองค์ หรือมีอะไรที่ข้าพระองค์บกพร่องในชีวิต ที่จะต้องปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง…..” และในที่สุด พระเจ้าก็ทรงเปิดเผยให้ทราบความหมายของความฝันในบ่ายวันนั้นเอง

เรื่องความฝันนั้นมีอยู่ว่า เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น ณ ชายทะเลแห่งหนึ่ง และดิฉันก็อยู่ในบ้านพักใกล้ชายทะเล กับเพื่อน 4-5 คน ทุกคนเป็นคริสเตียน ในจำนวนคนเหล่านี้ ก็มีพ่อและอาของดิฉันรวมอยู่ด้วย   ขณะที่พักอยู่ในบ้านหลังนั้น  ในเช้าวันหนึ่งขณะที่ดิฉันมองออกไปตามช่องหน้าต่าง   ก็ต้องตกใจอย่างสุดขีด จากภาพที่ได้เห็นนั้น  คือ  มีลิงตัวใหญ่มากเหมือนภาพโฆษณาหนังเรื่องคิงคองไม่มีผิดเพี้ยน มันขึ้นมาจากทะเล  และได้จับพวกคนหนุ่มสาวซึ่งเป็นนักศึกษาขณะที่กำลังเล่นน้ำอยู่นั้น  มันฆ่าคนเหล่านั้น  การฆ่าของมันก็ประหลาดโดยการบิดคอให้ขาด  และหิ้วเอาแต่ศรีษะมากองไว้บนชายหาดทีละคน ๆ  จนหมดและมันก็เดินจากไป  ในจำนวนศรีษะเหล่านั้นมีอยู่ 4-5 คนที่ยังมีชีวิต  แต่อยู่ในสภาพที่ใกล้จะตายแล้ว  พวกที่อยู่ในบ้านรวมกับดิฉันด้วย จึงพากันออกไปดูอยู่ห่างๆ พอที่จะตะโกนคุยกันได้  เมื่อเห็นว่าเขาใกล้จะตายเช่นนั้น คนหนึ่งจึงแนะนำว่า เราน่าจะเป็นพยานกับเขานะ  ทุกคนเห็นด้วยจึงตะโกนคุยกับเขา  โดยพยายามจะบอกเขาเรื่องพระเยซู  แต่เขาไม่รู้เรื่องเพราะระยะห่างไป  บางคนในพวกเราก็พยายามใช้มือทำสัญลักษณ์ไม้กางเขน คนเหล่านั้นก็ยังไม่เข้าใจ  ได้แต่สั่นศรีษะที่ยังมีชีวิต  เมื่อพยายามไม่ได้ผลและประกอบกับไม่กล้าเข้าไปใกล้เพราะกลัวที่จะทนเห็นภาพทรมานและหวาดเสียวของเขาไม่ได้  โดยเฉพาะดิฉันแล้ว  เกรงว่าจะตายก่อนพวกนั้นเพราะดิฉันทนเห็นเลือดและบาดแผลไม่ได้ หรือคนที่อยู่ในสภาพที่เจ็บปวดทรมาน และภาพที่เห็นศรีษะเหล่านั้น  น่ากลัวมาก พวกเราจึงตัดสินใจพากันกลับเข้าบ้านเพื่อที่จะทานอาหาร  เมื่อเรากำลังนั่งลงทานอาหารอยู่นั้นก็ยังมองเห็นภาพเหล่านั้นผ่านทางหน้าต่าง เพื่อนคนหนึ่งจึงลุกขึ้นไปปิดม่านเสีย  ภาพนั้นจึงได้ปิดลงจากสายตาของพวกเรา  และพวกเราก็ทานอาหารได้อย่างสบายใจ  และแล้ว ดิฉันก็ตกใจตื่น

ความหมายของความฝันที่พระเจ้าให้….ลิงตัวใหญ่นั้นหมายถึง ซาตาน มันมาเพื่อฆ่าทำลายมนุษย์โลก  คนในโลกนี้ตกอยู่ภายใต้อานุภาพของมารร้าย  บางครั้งมันไม่ได้ฆ่าให้ตายเลยทีเดียว  กลับทรมาน  คนเหล่านั้นดูเหมือนมีชีวิตอยู่ แต่ตายแล้ว  คือ ตายทั้งเป็น  ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และพวกนักศึกษาที่มันฆ่าก็คือ ตัวแทนของคนทั้งโลกที่ไม่รู้จักกับพระเจ้า  เขาอยู่ในสภาพอันตรายน่าสมเพช  ต้องการความช่วยเหลือ  เสียงร้องของพวกเขาดังอยู่  บ้างก็ตายไปแล้ว  และสำหรับพวกดิฉันและเพื่อนก็เป็นตัวแทนคริสเตียนทุกคน  ซึ่งบางครั้งเราก็ไม่ค่อยเปิดตาดูคนอื่นบ้าง จนรอให้มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นที่มันใกล้ตัวเรา  โดยการทำลายของมาร  เช่น ความตายของคนเหล่านั้นซึ่งอาจเกิดจากภัยพิบัติ  อุบัติเหตุ  ปัญหา ความทุกข์เวทนา  ความเจ็บป่วย   แล้วเราจึงค่อยคิดถึงการเป็นพยานที่จะนำคนเหล่านั้นมาถึงความรอด  เราต้องรอให้เหตุการณ์มาบังคับ  บางครั้งเมื่อถึงเวลานั้นมันก็สายไปแล้ว  และในการเป็นพยานของเราก็มีปัญหา  เพราะเราไม่ยอมพาตัวเข้าไปใกล้และใช้ชีวิตคลุกคลีกับเขา  บางทีก็มีปัญหาเรื่องการใช้ภาษาในการใช้สื่อ  ซึ่งเรามักใช้ภาษาของคริสเตียน  คือ ใช้ศัพท์ของคริสเตียนซึ่งมาจากพระคัมภีร์บ้าง ภาษาอื่นบ้าง  และเป็นที่รู้จักและเข้าใจในท่ามกลางสังคมคริสเตียน  แต่เมื่อเราไปสื่อกับคนข้างนอก  เขาไม่เข้าใจ  ดัง เช่นคนเหล่านั้นที่สั่นศรีษะไม่เข้าใจและในที่สุด  เราก็เลิกรากันไป  เหมือนดิฉันและเพื่อนกลับเข้าบ้านและทานอาหาร  เพราะห่วงเรื่องปากเรื่องท้องของตนเอง  สนใจแต่ความต้องการของตน  เลยปล่อยคนเหล่านั้นไปตามยะถากรรมของเขาและการปิดม่านนั้นก็คือการปิดหู  ปิดตาไม่ยอมรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายนอก  และเพื่อไม่ให้ใจฟ้องผิดด้วย  และอีกอย่างที่เป็นอุปสรรคในการเป็นพยานก็คือ  ปัญหาส่วนตัวของเรานั่นเอง  เหมือนดิฉันที่ทนดูเลือดและบาดแผลไม่ได้จึงไม่ได้เข้าไปใกล้คนเหล่านั้น  แต่สำหรับบางคนอาจจะเป็นฐานะ  ชนชั้น  ชนชาติ  หรือนิสัยส่วนตัวของเรา เช่น กลัว ไม่กล้า อาย  พูดไม่เป็นมากไปกว่านั้น บางคนกลับอ้างว่า ไม่มีของประทาน  ไม่มีเวลา  ให้คนอื่นที่เขาว่างทำไปเถิด

ตกเย็นของวันนั้นดิฉันจึงอธิษฐานกับพระเจ้าว่า “พระองค์เจ้าข้า  ข้าพระองค์อาจมีหลายอย่างที่เป็นอุปสรรคในนิสัยส่วนตัวที่ข้าพระองค์ไม่ชอบ  ไม่อยากทำในสิ่งที่พระองค์ทรงบัญชาในมัทธิว 20:19-20 .ซึ่งบางครั้งก็ไม่ใช่เป็นเรื่องร้ายแรงนัก  แต่ถ้าข้าพระองค์เอามาอ้างเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงในการเป็นพยานนำคนมาถึงพระองค์  นั่นข้าพระองค์กำลังทำบาปอย่างใหญ่หลวงต่อพระองค์และต่อพี่น้องร่วมโลกแล้ว  ขอได้โปรดยกโทษข้าพระองค์ที่ผ่านมาหลายครั้ง มักจะมีข้ออ้างเพื่อหลีกเลี่ยงในการเป็นพยานส่วนตัว  การแจกใบปลิวว่าไม่มีของประทานในการประกาศ  แท้จริงการเป็นพยานเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของคริสเตียนที่รักพระเจ้าและมีความกระตือรือร้น พระองค์เจ้าข้า ขอทรงรื้อฟื้นความกระตือรือร้นของข้าพระองค์ขึ้นมาใหม่  ให้เหมือนดังเช่นที่ข้าพระองค์รับเชื่อในพระองค์ใหม่ ๆ นั้น  ข้าพระองค์ปรารถนาที่จะรักษาการเป็นพยานคู่ไปกับชีวิตคริสเตียนของข้าพระองค์  ขอทรงโปรดกระทำเถิดพระองค์เจ้าข้า…..อาเมน”