แย่งลูกแกะ”  คำนี้ใช้กันมากในช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านไป  เพราะมีปัญหาเกิดขึ้นในหลายคริสตจักร คือได้เกิดการเคลื่อนย้ายของสมาชิก จากคริสตจักรหนึ่ง ไปอีกคริสตจักรหนึ่ง และผลเสียที่ตามมาจึงเกิดกับ คริสตจักรที่มีสมาชิกย้ายออก คำว่า “แย่งลูกแกะ”  จึงถูกนำไปเรียกกับผู้รับใช้คริสตจักรที่สมาชิกย้ายเข้าไปโดยปริยาย ในเรื่องนี้ไม่ขอตัดสินว่า ใครผิดใครถูก แต่ให้มาพิจารณา ดูในพระวจนะของพระเจ้าดีกว่า ใน ยอห์น 10.12 สุนัขป่าก็ชิงเอาแกะไปเสีย คำว่า “แย่ง” หรือ “ชิง” สองคำนี้มีความหมายคล้ายกัน ในพระวจนะตอนนี้คำนี้ใช้กับสุนัขป่า และในกิจการ 20.29-30 ข้าพเจ้าทราบอยู่ว่า เมื่อข้าพเจ้าไปแล้ว จะมีสุนัขป่าอันร้าย เข้ามาในหมู่พวกท่าน หมายถึงพวกสอนเท็จ หรือสอนผิดที่ทำให้ผู้เชื่อหลงไปจากความจริงในพระวจนะ แต่หากสมาชิกที่ย้ายไปอยู่กับคริสตจักรที่ไม่ใช่พวกสอนผิด คำนี้จะค่อนข้างรุนแรงไป ที่จะเรียกผู้นำในคริสตจักรนั้นว่า “แย่งลูกแกะ” และอีกประการหนึ่งก็คือ สมาชิกที่เราเรียกเขาว่า “ลูกแกะ” นั้น เขาเป็นลูกแกะของพระเยซูคริสต์ตาม ยอห์น 21.15 ซึ่งพระองค์ทรงตรัสกับ เปโตรว่า จงเลี้ยงลูกแกะของเราเถิด และปัจจุบันก็ทรงมอบให้ผู้รับใช้ดูแล หากผู้รับใช้ท่านใดคิดว่าเป็นแกะของเขาเอง  ก็จะทำให้รู้สึกว่าถูกแย่ง แต่หากคิดว่าเป็นผู้ดูแล และแกะหรือผู้เชื่อนั้นไม่ได้ไปในทางที่ผิดก็ไม่น่าจะรู้สึกว่าถูกแย่งชิง และความจริงอีกประการหนึ่งก็คือ คำว่า “ลูกแกะ” ในที่นี้หมายถึงผู้เชื่อที่เป็นคนที่มีชีวิตและความคิด เขาไม่ใช่สิ่งของที่ปราศจากชีวิตและจิตใจ ที่ใครจะแย่งชิงไปชิงมาก็ได้ เขามีความคิดและวิจารณญาณ การตัดสินใจก็เป็นของเขา ซึ่งบางทีผู้นำก็ต้องใจกว้างพอที่จะยอมรับความคิดและเหตุผล ตลอดทั้งการตัดสินใจของสมาชิกด้วย และอีกอย่างที่ผู้รับใช้หรือผู้นำจะต้องยอมรับก็คือ ผู้คนในยุคปัจจุบันนี้จะมีการเคลื่อนย้ายอยู่เสมอ เหตุผลก็เนื่อง มาจากการย้ายที่ทำงาน ที่เรียน การแต่งงาน ต้องติดตามคู่สมรส  การซื้อบ้านหรืออื่น ๆ  ไม่เพียงเป็น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศเท่านั้นรวมไปถึงการย้ายไปต่างประเทศก็มี และก็คงมีมากขึ้นเรื่อย ๆ  ซึ่งไม่มีใครที่จะจับหรือยึดเอาตัวเขาไว้ได้ตลอดชีวิตของเขา  แท้ที่จริงแล้วแต่ละคริสตจักรในประเทศไทยและโดยเฉพาะในเมืองหลวง ซึ่งจะไม่มีคริสตจักรใดปฏิเสธได้ว่า ไม่มีคริสเตียนที่ย้ายมาจากคริสตจักรอื่นมาอยู่ในคริสตจักรของตนซึ่งไม่ใช่บุคคลที่ได้รับเชื่อในคริสตจักรนั้นๆ

หวงลูกแกะ เมื่อพูดถึงแกะแล้วในบรรดาสัตว์เลี้ยง  แกะให้ประโยชน์แก่ผู้เลี้ยงมากพอสมควร เช่น ขน หนัง เนื้อ ไขมัน  นม  รวมถึงผลิตผลในการขยายพันธุ์ด้วย คือผู้เลี้ยงจะดำรงชีวิตอยู่ด้วยแกะนั้น  เช่นเดียวกับผู้เลี้ยงแกะของพระเจ้า ก็รับประโยชน์ คือการดูแลจากสมาชิก แต่ผู้เลี้ยงที่ดีไม่ควรเลี้ยงแกะ  เพียงเพื่อประโยชน์สำหรับตนเท่านั้น หากเป็นเช่นนั้นก็จะแสดงออกในลักษณะหวงลูกแกะ ดังนั้นหากมีแกะอ้วนพีฝ่ายร่างกาย (คนร่ำรวย) ในคริสตจักรก็จะทะนุถนอมมาก เอาใจใส่เป็นพิเศษ  ทำผิดก็ไม่ว่า  เกรงว่าเขาจะไม่อยู่แล้วเงินถวายจะลดลง และก็ห่วงปริมาณมาก  จะพยายามทุกวิถีทางที่จะไม่ให้สมาชิกย้ายออก แม้เขาจะย้ายบ้านไปอยู่ไกลเพียงไรก็ต้องไปนมัสการที่เดิม  และมักจะให้เหตุผลว่าเกิดที่ไหนก็ควรอยู่ที่นั่น แต่ไม่มีข้อพระคัมภีร์สนับสนุนเหตุผลนี้ แม้เขาขอย้ายก็ไม่ยอม บางครั้งสมาชิกก็ยอมทำผิดโดย  แม้ไม่อนุญาตก็ย้ายและถูกกล่าวหาว่าไม่เชื่อฟัง และการเน้นจำนวนก็ยอมใช้วิธีการประกาศที่ผิด คือใช้พระพรทรงวัตถุล่อคนมาโบสถ์ เช่น เชื่อพระเจ้าแล้วจะรวย มีแต่พระพรโดยไม่เน้นถึงการกลับใจใหม่ เหมือนในแบบอย่างพระคัมภีร์  เอาปริมาณไว้ก่อน  จะได้รายงานผลงานเพื่อการถวาย  ไม่กลับใจก็ไม่เป็นไร ทำบาป ถูกลงวินัยมาจากไหนก็รับไว้หมด  ไม่ค่อยจัดการกับปัญหา คิดถึงประโยชน์ของ คริสตจักรมากกว่าสวัสดิ-ภาพของสมาชิก ไม่ได้มองภาพรวมถึงคริสตจักรอื่นที่เป็นของพระเจ้าด้วย อาจมีพระประสงค์ที่จะใช้สมาชิกบางคนในคริสตจักรนั้นย้ายไป เพื่อเป็นพระพรและพลังเสริมสร้างแก่คริสตจักรซึ่งเล็กกว่า  หากเขาอยู่ที่เดิมก็ไม่เกิดผลเท่าที่ควร เพราะในสายพระเนตรพระเจ้าแล้วพระองค์ทรงประสงค์ที่จะให้ทุกคริสตจักรจำเริญขึ้น เพราะแต่ละที่ไม่ว่าสังกัด  คณะ, นิกาย, องค์กร ไหนก็ล้วนเป็นอวัยวะในพระกายทั้งสิ้น

ห่วงลูกแกะ จะสอนเขา ในพระดำรัสของพระเยซูคริสต์ ต่อสาวกเปโตร ใน ยอห์น 21.15-17 ว่า จงเลี้ยงแกะของเราเถิด หากผู้เลี้ยง (ผู้รับใช้) รักแกะของพระเจ้าเขาจะเลี้ยงดูด้วยพระวจนะของพระเจ้า  และในคำสั่งสุดท้ายของพระเยซูนั้นพระองค์ไม่เพียงสั่งให้ประกาศเท่านั้น  ยังตรัสต่อไปว่า  สอนให้เขาถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้…. มัทธิว  28.20 ก็คือสอนเขา  เลี้ยงด้วยพระวจนะของพระเจ้าให้จำเริญขึ้น  2เปโตร 2.2 ในคริสตจักรของพระเจ้าต้องมีการสอนพระวจนะและสอนเป็นระบบด้วย  จึงจะเกิดการเรียนรู้  มีหลักสูตร จัดเป็นชั้นตามลำดับเพื่อเขาจะโตขึ้นในความเข้าใจในพระวจนะ ผู้นำหรือผู้รับใช้ต้องเทศนาจากพระวจนะใช้พระวจนะเป็นหลักในการเทศน์การสอน  พูดความจริงตามพระวจนะ   มาลาคี 2.7 เพราะว่าริมฝีปากของปุโรหิตควรเป็นยามความรู้  และมนุษย์แสวงหาคำสั่งสอนจากปากของเขา  เพราะว่าเขาเป็นทูตของพระเจ้าจอมโยธา  ไม่เบี่ยงเบนไปจากความจริงเพื่อเอาใจมนุษย์  แม้เขาไม่ชอบฟังก็ตาม 2 ทิโมธี4.3-5 เพราะจะถึงเวลาที่คนจะทนต่อคำสอนที่มีหลักไม่ได้ แต่เขาจะรวบรวมครูไว้สอนในสิ่งที่เขาชอบฟัง เพื่อบรรเทาความอยาก มีคนของพระเจ้าไม่น้อย ที่พยายามสอน เทศน์  เพื่อเอาใจมนุษย์โดยการลดความสำคัญของพระวจนะไป แต่จะเน้นสิ่งอื่นเป็นเรื่องเล่า ความรู้ในโลกเป็นหลัก เพื่อเป็นที่ชอบใจมนุษย์

ห่วงลูกแกะ  จะตักเตือนเขา มีวินัย  พระวจนะของพระเจ้าเป็นธรรมนูญที่ศักดิ์สิทธิ์ หากมีคนที่ประพฤติที่ผิดเพี้ยนไปจากหลักธรรม จำต้องมีการสอน ตักเตือนว่ากล่าว  คริสตจักรของพระเจ้าในปัจจุบันมีการหย่อนต่อวินัยในคริสตจักรจึงเต็มไปด้วย การล่วงประเวณี ฉ้อโกง ปากร้าย นินทา  แตกแยก  มักใหญ่ใฝ่สูง แสวงหาตำแหน่งในการรับใช้ ฯลฯ  กระทำผิดต่อพระวจนะ แต่ไม่มีการจัดการอะไร ทุกคนทำเป็นไม่เห็น (การที่กล่าวเช่นนี้ ไม่ได้หมายความว่า คริสเตียนจะไม่ทำผิด) แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ไม่มีใครจัดการ ยังปล่อยให้คนทำผิดลอยนวล 1 โครินธ์ 5.2 และพวกท่านยังผยอง แทนที่จะเป็นทุกข์เป็นร้อน ท่านควรจะตัดคนที่กระทำผิดเช่นนี้ออกเสียจากพวกท่าน จึงไม่การกลับใจ  หากเป็นผู้ใหญ่ มีตำแหน่งอาจเป็นทั้งภายนอกภายในคริสตจักร  มีเงิน มีเกียรติ ยิ่งจะไม่มีใครกล้าที่จะจัดการ ยังยกย่องให้เกียรติเขาเหมือนเดิม ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านกับสิ่งที่เขาทำ แต่หากเขากลับใจจริงๆ ซึ่งก็ควรให้โอกาสเขา บางคนถือว่าการลงวินัย เป็นการไม่มีความรัก ไม่ให้อภัย เป็นการเข้าใจผิดอย่างมหันต์ ความรักของพระเจ้าไม่ได้ทำให้คนตาบอด  มองไม่เห็นความผิด  ไม่จัดการกับความผิด หากรักเขาจริงก็ยิ่งต้องช่วยเขาให้พ้นบาป  เอเสเคียล  33.7-9 …เจ้าจงให้คำตักเตือนของเราแก่ประชาชน…ถ้าเรากล่าวแก่คนอธรรมว่า  โอ  คนอธรรมเอ๋ย เจ้าจะต้องตายแน่  แต่เจ้าก็ไม่ได้กล่าวคำตักเตือนให้คนอธรรมกลับจากทางของเขา  คนอธรรมนั้นจะต้องตายเพราะความบาปชั่วของเขา  แต่เราจะลงโทษเจ้าเพราะความตายของเขาไม่เช่นนั้นบาปจะนำเขาไปสู่ความตาย ถ้าเขาต้องตายเพราะความบาปของเขา  ในฐานะที่เป็นผู้เลี้ยงก็ต้องรับผิดชอบกับความตายของเขาด้วย การดำเนินชีวิตในบาปไม่ว่านอกหรือในคริสตจักรก็มีค่าเท่ากัน  หากไม่จัดการคริสตจักรจะรับผลเสียเต็มๆ  เพราะเขาเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีทำให้คริสตจักรของพระเจ้ามีมลทิน ผู้รับใช้พระเจ้าหลายครั้งไม่กล้าเพราะเกรงว่าคนจะไม่ชอบหรืออาจจะกลัวสูญเสียสมาชิกไป แต่หาทราบหรือไม่ว่า  คริสตจักรในยุคสุดท้าย คือยุคนี้แหละ จะต้องถูกฝัดร่อน ตั้งแต่ระดับผู้นำสูงสุดลงมาจนถึงสมาชิก หากไม่มีมนุษย์คนไหนที่ไม่กล้าจัดการ  พระเจ้าจะทรงลงมาจัดการเอง  พระหัตถ์ของพระองค์ถือพลั่วพร้อมแล้ว  และจะทรงชำระลานข้าว ของพระองค์ให้ทั่ว พระองค์จะทรงเก็บข้าวของพระองค์ไว้ในยุ้งฉาง  แต่พระองค์จะทรงเผาแกลบด้วยไฟที่ไม่รู้จบ มัทธิว  3.12

จงเลี้ยงแกะของเราเถิด