36คนที่เกี่ยวก็กำลังได้รับค่าจ้าง และกำลังส่ำสมพืชผลไว้สำหรับชีวิตนิรันดร์ เพื่อทั้งคนหว่านและคนเกี่ยวจะชื่นชมยินดีด้วยกัน  37 เพราะในเรื่องนี้คำที่กล่าวไว้นี้เป็นความจริง คือ ‘คนหนึ่งหว่านและอีกคนหนึ่งเกี่ยว’ 38 เราใช้ท่านทั้งหลายไปเกี่ยวสิ่งที่ท่านมิได้ลงแรงทำ คนอื่นได้ลงแรงทำ และท่านได้รับประโยชน์จากแรงของเขา” (ยอห์น 4:36-38)

เมื่อถึงเวลาเกี่ยวแล้ว งานที่ต้องเก็บเกี่ยวนั้นเป็นงานที่ยิ่งใหญ่  เพราะทุ่งนาของพระเจ้านั้นยิ่งใหญ่ไพศาล  พระเยซูคริสต์ทรงบัญชาให้พวกเราทุกคนออกไปสั่งสอนชนทุกชาติให้เป็นสาวกของพระองค์

(มธ.28:19), “…เจ้า​ทั้ง‍หลาย​จง​ออก​ไป​ทั่ว​โลก ประ‌กาศ​ข่าว​ประ‌เสริฐ​แก่​มนุษย์​ทุก​คน” (มก.16:15), “…ต้องประกาศทั่วประชาชาติในนามของพระองค์”

(ลก.24:47),  แต่​ท่าน​ทั้ง‍หลาย​จะ​ได้​รับ​พระ‍ราช‍ทาน​ฤทธิ์​เดช เมื่อ​พระ‍วิญ‌ญาณ​บริ‌สุทธิ์​จะ​เสด็จ​มา​เหนือ​ท่าน และ​ท่าน​ทั้ง‍หลาย​จะ​เป็น​พยาน​ฝ่าย​เรา​ใน​กรุง​เย‌รู‌ซา‌เล็ม ทั่ว​แคว้น​ยู‌เดีย แคว้น​สะ‌มา‌เรีย และ​จน​ถึง​ที่​สุด​ปลาย​แผ่น‍ดิน​โลก”

(กจ.1:8)   นี่เป็นความรับผิดชอบของพวกเราทุก ๆ คนที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ที่มีต่อคนทั้งโลกที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า

ณ ปัจจุบันสำมะโนประชากรของสหรัฐประเมิณว่าจะมีประชากรเพิ่มประมาณ 7,000 ล้านคน  แต่มีคริสเตียนอยู่ประมาณ 31.4 % ของทั้งหมด  ซึ่งยังเหลือประมาณเกือบ 70 % ที่ยังไม่มีโอกาสรับความรอด  ส่วนประเทศไทยมีประชากรเกือบ 70 ล้านคน และคาดว่ามีคริสเตียน อยู่เพียง 1 % เท่านั้น ซึ่งน้อยมาก ๆ ถ้ามองใกล้ตัวที่เขตอ้อมน้อย มีอยู่เพียง คจ.เดียวคือมหาพรตรีมณฑล สมาชิกประมาณ 130 คน ซึ่งต้องรับมือกับประชากรประมาณ 51,672 คน อัตราส่วน 1:397 คน  ที่เราต้องรับผิดชอบ  แต่ไม่เพียงเท่านั้น ข่าวประเสริฐนั้นต้องเป็นเหมือนรองเท้าของเราซึ่งเราต้องใส่ประจำทุกที่ที่เราออกไป  ไม่ว่าเราจะไปที่ไหนก็ให้เราประกาศข่าวประเสริฐเสมอ ๆ  และจากประสพการณ์ที่ออกจากที่พัก ข้าพเจ้าก็จะแจกใบปลิวกับผู้คนที่มีโอกาสพบเห็น หรือพูดคุยถึงข่าวประเสริฐเท่าที่ทำได้  เพราะด้วยตระหนักถึงพระคุณความรักของพระคริสต์ที่มีต่อชีวิตของข้าพเจ้า  รวมถึงความปรารถนาที่มีต่อคริสเตียนทุกคนที่จะเลิกเป็นใบ้แต่เริ่มที่จะเป็นพยานกับผู้คนที่พบเจอ ประกาศข่าวประเสริฐด้วยความกล้าหาญ  เหมือนอ.เปาโล ที่ท่านเองเป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า ที่ท้าท้ายคนอื่น ๆ ที่จะพิสูจน์ถึงฤทธิ์อำนาจของพระองค์ในชีวิตของเขา  ในการปลดปล่อยออกจากพันธนาการ หรือการรักษาโรค  ฯ   และแน่นอนที่สุดว่าฤทธิ์เดชของพระเจ้าต้องสำแดงต่อชีวิตของเราทุกคนก่อน ก่อนที่จะสำแดงออกไปสู่ผู้อื่นได้  เราต้องเป็นอิสระและรับการปลดปล่อยก่อนถึงจะมีฤทธิ์อำนาจไหลออกไปสู่ผู้อื่นได้  และนั่นก็จะเป็นข่าวประเสริฐที่เราสวมใส่ออกไปทุกวัน

ขอให้พระเจ้าทรงยกโทษและช่วยพวกเราทุกคนที่จะตั้งต้นใหม่ในชีวิตของเรา เพื่อจะประกาศข่าวประเสริฐกับคนทุกที่ทุกแห่งที่เราไป  แต่ถ้าเรารู้สึกไม่พร้อมก็ให้เรากลับใจใหม่และคุกเข่าอธิษฐานเปลี่ยนท่าทีด้วยการยอมจำนน และขอกำลังจากพระเจ้าที่จะช่วยเราให้เป็นนักฉวยโอกาสในการประกาศข่าวประเสริฐ ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่เสื่อมทรามทุกวันนี้

ใน ลก.10:2 พระ‍องค์​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “ข้าว​ที่​ต้อง​เกี่ยว​นั้น​มี​มาก​แต่​คน‍งาน​ยัง​น้อย​อยู่ เหตุ​ฉะนั้น พวก​ท่าน​จง​อ้อน‍วอน​พระ‍องค์​ผู้​ทรง​เป็น​เจ้า‍ของ​นา ให้​ส่ง​คน‍งาน​มา​เก็บ​เกี่ยว​พืช‍ผล​ของ​พระ‍องค์” ,มธ. 9:36-38 “…พระ‍องค์​ทอด‍พระ‍เนตร​เห็น​ประ‌ชา‍ชน​ก็​ทรง​สง‌สาร​เขา ด้วย​เขา​ถูก​รังควาน​และ​ไร้​ที่​พึ่ง​ดุจ​ฝูง‍แกะ​ไม่​มี​ผู้​เลี้ยง…คนงานยังน้อยอยู่…”

จากพระวจนะนี้  ถ้ามองด้วยสายตาของเรา 1:397 ดูเหมือนไม่ไหว   แต่ถ้าเปรียบเทียบกับอัครสาวกทั้ง 12 และ อ.เปาโลโดยลำพัง พวกท่านประกาศทั่วเอเซียจนถึงยุโรป  ซึ่งว่า “คนงานยังน้อยอยู่นั้น” ความจริงหมายถึงคนงานที่แท้จริงมีอยู่น้อย ในท่ามกลางคริสเตียนที่มีจำนวนมาก ซึ่งเต็มไปด้วยคนที่มีความรู้ ความสามารถ และมีของประทาน  แต่ไม่ได้รับใช้พระเจ้าอย่างแท้จริง  ซึ่งเราสามารถวัดผลด้วยเวลาและจากการกระทำของของเขาเหล่านั้น  จากประสพการณ์กว่า 30 ปีในงานรับใช้  ได้เห็นว่ามีส่วนน้อยมากที่ผู้รับใช้จะทำงานตามการทรงเรียกและเกิดผลอย่างแท้จริง  ส่วนใหญ่จะทำตามความคิดของตัวเองและก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา  งานรับใช้ก็ไม่สำเร็จตามการทรงเรียก

ขอพระเจ้าทรงช่วยพวกเราทุก ๆ คนที่จะมีชีวิตรับใช้ตามการทรงเรียกอย่างแท้จริงพร้อมด้วยความสัตย์ซื่อ ถ่อมใจ และสำเร็จตามพระประสงค์ของพระองค์  เพราะในพระเจ้าแล้ว เมื่อพระองค์ทรงเริ่มต้นการดีในชีวิตของเรา   พระองค์จะทรงกระทำให้สำเร็จในชีวิตของเราเช่นกัน  แต่ขอให้เราเชื่อฟัง และฟังเสียงของพระองค์ มอบหัวใจให้กับพระองค์  และกระทำตามการทรงเรียกของพระองค์เท่านั้นไม่ใช่ตามความประสงค์และความอยากของเราเอง   และอุปสรรคทั้งหลายที่เข้ามาจะเป็นการพิสูจน์ความสัตย์ซื่อในใจและการรับใช้ของเราเป็นอย่างดี  อีกอย่างหนึ่งอย่าให้เราติดกับการยกย่องสรรเสริญ คำชม หรือพระพรการเงิน รวมถึงการถูกตำหนิไม่เห็นด้วย  เป็นแรงผลักดันในการรับใช้  เพราะถ้าไม่มีเราก็จะคิดว่านี่ไม่ใช่ที่ของเราแล้ว เราก็จะเลิกการรับใช้  นี่เป็นการรับใช้มนุษย์ไม่ใช่รับใช้พระเจ้า

บริษัทพระเยซูไม่จำกัดนี้ กำลังมองหาคนงานของพระองค์ที่ต้องการรับใช้พระเจ้าอย่างแท้จริง  พร้อมที่จะเชื่อฟัง กระทำตามพระประสงค์และการทรงเรียกของพระองค์ด้วยความสัตย์ซื่อ การถ่อมใจ อดทนต่ออุปสรรค และยอมรับพระเยซูคริสต์ทรงเป็นเจ้านายในชีวิตของเขา  โดยกระทำตามอย่างเคร่งครัดและสอนลูกหลานของเขาให้เตรียมพร้อมสำหรับการรับใช้

ใน 1คร.9:27  “แต่​ข้าพ‌เจ้า​ก็​ทุบ​ตี​ร่าง‍กาย​ให้​มัน​แข็ง​จน​อยู่​มือ เพราะ​เกรง‍ว่า​เมื่อ​ข้าพ‌เจ้า​ได้​ประ‌กาศ​ข่าว​ประ‌เสริฐ​แก่​คน‍อื่น​แล้ว ตัว​ข้าพ‌เจ้า​เอง​จะ​เป็น​คน​ที่​ใช้​การ​ไม่‍ได้”

คนของพระเจ้าอย่างแท้จริงจะต่อสู้และจัดการกับตนเองไม่ใช่คนอื่น  จะเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงตัวเองไม่ใช่เปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงคนอื่น ไม่ขึ้นอยู่กับอารมณ์และสถานการณ์รอบข้าง

สุดท้ายนี้ขอให้พวกเราสมาชิกมหาพรตรีมณฑลทุก ๆ คนที่จะเปลี่ยนแปลงและยอมจำนนต่อพระเจ้า ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่นี้อย่างมีคุณค่าด้วยการสมัครเป็นคนงานรับใช้พระเจ้าอย่างแท้จริง  เก็บเกี่ยวทุ่งนาที่เหลืองอร่าม  เดินออกไปด้วยรองเท้าแห่งข่าวประเสริฐ  ประกาศออกไปเพื่อนำดวงวิญญาณที่น่าสงสารให้กลับมาอยู่ในแผ่นดินของพระเจ้าและรับความรอดร่วมกัน  เป็นคนงานที่พระเจ้ารับว่า “นี่แหละผู้รับใช้ของเรา  เป็นคนที่ใช้การได้และเป็นคนที่เกิดผล  คนงานที่แท้จริงที่พระองค์ทรงมองหาอยู่” อาเมน