(1พงศาวดาร 17:1-27)

มีคริสเตียนท่านหนึ่งได้ออกมาขอบคุณพระเจ้า พร้อมทั้งขอโทษพระองค์ในเวลาเดียวกันเนื่องจากชีวิตก่อนหน้านั้น  เขาเครียดมาก ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครตอบรับ มีปัญหาด้านการงาน การเงินที่จะเลี้ยงครอบครัว โดยเขามีบุตรถึง 3 คน มีขโมยขึ้นบ้านเขาอีก และยังมีปัญหาของพี่น้องคจ.มากมายมาระบายให้เขาฟัง  จนเขาแบกรับไม่ไหว  เขาก็ตะโกนท้าทายมารซาตาน ออกมาที่หน้าต่างชั้น 7 ของคอนโดที่เขาอาศัยอยู่    เพราะรู้ว่าปัญหาที่เขาเผชิญอยู่นั้นมาจากซาตาน  เขาแสดงออกด้วยความไม่กลัว  และคืนต่อมาในเวลาที่ยามของตึกเดินตรวจตราก็เห็นมีคนยืนอยู่หน้าห้องของเขาเป็นเวลานาน  จึงได้โทร.แจ้ง  เมื่อชายคนนี้ทราบก็คิดอยู่ในใจว่าไม่ได้นัดใครไว้เลย  จึงแปลกใจและเดินไปที่ประตู มองจากรูที่เจาะไว้ก็ตกใจมาก จนทรุดตัวลงทันที และเขาก็ไม่กล้าพูดว่าเขาเจออะไร เพราะลูก ๆ เขาก็นั่งอยู่ใกล้ตัวเขา นั่นคือวิญญาณชั่ว  ขอบคุณพระเจ้า ที่มันไม่สามารถเข้าบ้านลูกของพระเจ้าได้

เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่าไม่ว่าจะเป็นคริสเตียน หรือไม่ใช่คริสเตียน  เราต่างก็ต้องเจอกับสิ่งที่ดีและร้าย สิ่งที่เราหวัง และไม่สมหวังทั้งสิ้น  ไม่ใช่เป็นคริสเตียนแล้วจะพบสิ่งที่ถูกใจเสมอไป เราอาจพบกับสิ่งที่ไม่ใช่ก็ได้  ให้เรามาเรียนรู้กันว่าเราควรมีท่าทีอย่างไรในการตอบสนองกับสถานการณ์ที่เราเผชิญอยู่อย่างถูกต้อง  จากชีวิตของกษัตริย์ดาวิดเมื่อรู้ว่าพระเจ้าทรงตรัสว่า “ไม่”  ในการสร้างพระวิหารตามความปรารถนาของเขา

  1. ดาวิดเข้าหาพระเจ้า จากความปรารถนาของเขาอยากสร้างพระวิหารให้สมกับความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า เพราะในเวลานั้นวังที่เขาอาศัยอยู่สร้างจากไม้สนสีดาร์ชั้นดี  แต่พลับพลาที่พระเจ้าสถิตนั้นเก่าไม่สวยงาม (ข้อ 1)  ดาวิดมีจิตใจที่ยำเกรงและต้องการถวายสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพระเจ้า  เรื่องนี้สอนเราให้ทำเช่นเดียวกัน  รวมถึงการให้สิ่งที่ดีและตั้งใจด้วยความเต็มใจเมื่อจะให้อะไรกับผู้รับใช้พระเจ้า หรือคจ. เมื่อคำตอบจากพระเจ้ามาถึงดาวิดว่า “ไม่ให้สร้าง” ดาวิดก็เข้าไปอธิษฐานกับพระเจ้าและขอบคุณพระเจ้าทันที (ข้อ16)  เขาไม่ได้มีท่าทีหรือคำถามต่อพระเจ้าว่าทำไม? เพราะอะไร? ถึงไม่ให้สร้าง เขาไม่บ่น หรือต่อว่าพระเจ้าเลย  ด้วยการสำนึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ที่ดูแล ช่วยกู้และทรงนำเขามาตลอด  (ข้อ3-10)  เขามองไปที่พระเจ้าและขอบคุณพระเจ้า    ดาวิดยังสามารถยกย่องพระเจ้าได้(ข้อ20-22)    ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รับคำตอบอย่างที่ต้องการ  เป็นท่าทีผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ  มีตัวอย่างจากชายผู้หนึ่งที่รู้สึกว่าคจ.ที่เขาอยู่นั้นมีแต่ปัญหามากมาย  เขาจึงปรึกษากับศบ.ว่า “ช่วยหาคจ.ที่ไม่มีปัญหาเลยให้เขาหน่อย  เขาจะย้ายคจ.” ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคจ.แบบนั้น  เรื่องนี้ให้นึกถึงโยบที่เขาทุกข์ยากกับปัญหาที่หนักมาก  แต่เขาก็ยังรักและสรรเสริญพระเจ้า แต่ภรรยาเขาแนะนำให้แช่งด่าพระเจ้าที่ทำให้เกิดขึ้น  ซึ่งท่าทีของเธอนี้ไม่ใช่ท่าทีของผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ
  2. ดาวิดยอมรับน้ำพระทัยของพระเจ้า  (ข้อ23)  เขาไม่ดื้อและเชื่อฟังต่อพระเจ้า  และยินดีต่อน้ำพระทัยของพระองค์ถึงแม้ถูกปฏิเสธต่อความปรารถนาของเขา   ไม่เหมือนแซมสันเขาจะไม่ต้องจบชีวิตแบบนั้นเลย  ถ้าเขาเชื่อฟังพระเจ้าหรือแม่  เมื่อเราเดินอยู่นอกน้ำพระทัยของพระเจ้า  มันอันตราย  ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้พระเจ้าได้รับเกียรติเท่ากับเราเดินตามน้ำพระทัยของพระเจ้า  อย่างเช่นหลายคนในพระคัมภีร์ที่ถูกเรียกออกมา  และเขาเชื่อฟังเดินตามการทรงเรียกนั้น
  3. ดาวิดไม่อิจฉาแต่ยินดีสนับสนุนต่อคนอื่นอย่างเต็มที่ตามน้ำพระทัยของพระเจ้า  (1พศด.22:2-5)  เขาไม่น้อยใจ ไม่เสียใจ และไม่อิจฉาที่พระเจ้าใช้คนอื่น  แต่เขาสนับสนุนคนที่ถูกเรียกให้ทำอย่างเต็มที่  นี่เป็นท่าทีที่คริสเตียนควรปฎิบัติตาม เป็นการแสดงออกด้วยการเชื่อฟังพระเจ้าอย่างเต็มที่  อ.เปาโลก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่มีใจกว้างขวางท่านกล่าวไว้

    ใน    1คร.3: 5-9  “ 5อปอล‌โล​คือ​ผู้‍ใด เปา‌โล​คือ​ผู้‍ใด คือ​ผู้​รับ‍ใช้ ซึ่ง​ได้​สอน​พวก​ท่าน​ให้​เชื่อ เรา​แต่​ละ​คน​ได้​รับ‍ใช้​ตาม​ที่​องค์​พระ‍ผู้​เป็น​เจ้า​ได้​ทรง​กำ‌หนด​ให้ 6ข้าพ‌เจ้า​ปลูก  อปอล‌โล​รด‍น้ำ  แต่​พระ‍เจ้า​ทรง​ทำ​ให้​เติบ‍โต 7เพราะ​ฉะนั้น​คน​ที่​ปลูก​และ​คน​ที่​รด‍น้ำ​ไม่​สำ‌คัญ​อะไร แต่​พระ‍เจ้า​ผู้​ทรง​โปรด​ให้​เติบ‍โต​นั้น​ต่าง​หาก​ที่​สำ‌คัญ……”

สรุปคริสเตียนที่เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณนั้นควรจะมีท่าทีไม่อิจฉา ไม่แตกแยก ไม่น้อยใจ ไม่บ่นต่อว่าพระเจ้า  ถ้าไม่ได้รับคำตอบตามความปรารถนาของตัวเอง  แต่ให้ยอมรับและเชื่อฟังและเดินตามน้ำพระทัยพระเจ้าและสนับสนุนสิ่งที่พระองค์ทรงปรารถนา  รักพระองค์มากขึ้น  มีใจกว้างขวางสนับสนุนกันและกัน ให้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จเพื่อคจ.จะได้เข้มแข็ง  ถวายเกียรติแด่พระเจ้า  อาเมน