ในการติดตามพระเจ้าและรับใช้พระเจ้าของเราทั้งหลายเราเคยเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เหมือนกับพระเจ้าลาพักร้อนไปจากชีวิตของเรา เรารู้สึกเซ็งในการติดตามพระเจ้า เรารู้สึกเบื่อหน่ายในการรับใช้ เหมือนชีวิตฝ่ายวิญญาณของเรากำลังเดินไปสู่ถ้ำที่แสนจะมืดมิดแล้วก็มืดแปดด้าน สิ่งที่อยู่รอบข้างเราดูเหมือนเป็นสิ่งเลวร้ายไปทั้งหมด เราพยายามหนีสุดกำลังแต่ดูเหมือนว่ามันกำลังรุกไล่และอ้อมล้อมชีวิตของเราต่อไป คนที่เคยเข้าใจเราได้กลายเป็นคนที่ไม่เข้าใจไม่รับรู้และไม่ยอมรับในตัวของเราอีกต่อไป เพื่อนที่ดีได้กลายเป็นคนที่ไม่ให้กำลังใจแต่กลายเป็นคนซ้ำเติมเราอยู่ตลอดเวลาและเมื่อเราอธิษฐานต่อพระเจ้าดูเหมือนว่าคำอธิษฐานของเราก็ไม่ได้รับคำตอบสนองจากพระเจ้าเหมือนกับว่าพระเจ้าอยู่ไกลแสนไกลไปจากชีวิตและการรับใช้ของเรา ถ้าเรามีเวลาในช่วงแบบนี้อาจจะดูเหมือนว่าพระเจ้ากำลังลาพักร้อนไปจากชีวิตของเรา พระเจ้าไม่ได้ยินเสียงคำอธิษฐานของเรา พระเจ้าไม่ได้ยินเสียงร่ำร้องที่ออกจากจิตใจของเราหัวใจของเรา ช่วงเวลาแบบนี่เป็นช่วงเวลาที่เราเรียกว่าเป็นความ มืดมิดฝ่ายวิญญาณ เป็นช่วงที่การติดต่อสื่อสารระหว่างเรากับพระเจ้าได้ขาดสะบั้นลงอย่างสิ้นเชิง ทำให้การติดตามพระเจ้า การมาโบสถ์ของเรา การอธิษฐานของเรา เป็นการกระทำที่เซ็งสุดๆ น่าเบื่อมากๆ ถ้าเรามีความรู้สึกแบบนี่บางครั้งในชีวิตของเราทำให้เรารับใช้พระเจ้าแบบเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันแต่ไม่มีความมั่นใจในการทรงสถิตอยู่ชีวิตของเราในการรับใช้พระเจ้าและนี่คืออาการมืดแปดด้านในชีวิตของเรา
นี่เป็นอาการบ้างอย่างของการมืดมิดฝ่ายวิญญาณถ้าคุณมีอาการเหล่านี้แสดงว่าคุณกำลังอยู่ในความมืดมิดฝ่ายวิญญาณ
1.คุณรู้สึกว่าพระเจ้าอยู่ห่างไกลในชีวิตคุณและคุณก็รู้สึกว่าคุณอยู่ห่างไกลพระเจ้าไม่ว่าจะทำอะไร เป็นส่วนลึกในหัวใจของคุณ เป็นการมืดมิดฝ่ายวิญญาณ วิญญาณของคุณไม่สามารถสัมผัสกับพระเจ้า ไม่สามารถเข้าถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าได้ ทำให้การรับใช้พระเจ้าเป็นสิ่งจำเจและน่าเบื่อหน่าย
2.ดูเหมือนว่าพระเจ้าไม่ตอบคำอธิษฐานของคุณเลย ไม่ว่าจะเป็นการเฝ้าเดี่ยว การมาอธิษฐานที่โบสถ์ ไม่ได้รับคำตอบจากพระเจ้า แม้คุณจะเป็นคริสเตียนที่ดี เป็นผู้ที่อยู่ฝ่ายวิญญาณ เป็นผู้ที่แสวงหาโอกาสที่จะถวายเกียรติแด่พระเจ้าในทุกๆก็กรณี เหมือกับว่าพระเจ้าไม่ได้ประทานสติปัญญาในการตัดสินใจใดๆให้กับคุณ พระเจ้าได้นำอะไรในคุณเลย ว่างเปล่า และเมื่อคุณของการช่วยเหลือจากพระเจ้าไม่มีการช่วยใดๆเลยที่มาจากพระเจ้าในชีวิตของคุณ อาการมืดแปดด้านอาการมืดมิดฝ่ายวิญญาณกำลังรบกวนในชีวิตของคุณ
3.คุณรู้สึกว่าคุณทำงานอยู่คนเดียว รับใช้อยู่คนเดียว ติดตามพระเจ้าอยู่คนเดียว เหมือนว่าพระเจ้าไม่ได้อยู่เคียงข้างคุณ เหมือนช่วงเวลาเลวร้ายพระเจ้าไม่ได้ทรงสถิตอยู่ด้วย และการรับใช้การติดตามพระเจ้าเป็นภาระในชีวิตของตัวคุณ
4.คุณรู้สึกโดดเดี่ยวในการรับใช้พระเจ้า หันมองไปทางไหนก็ไม่เห็นความช่วยเหลือทางออกใดๆ
สดุดี 13:1-4
ข้าแต่พระเจ้าอีกนานเท่าใดพระองค์จะทรงลืมข้าพระองค์เสียเป็นนิตย์หรือพระองค์จะเบือนพระพักตร์จากข้าพระองค์นานเท่าใด ข้าพระองค์จะต้องตรึกตรองในใจของข้าพระองค์และมีความทุกข์โศกอยู่ในใจตลอดไปนานเท่าใด ศัตรูของข้าพระองค์จะเหนือข้าพระองค์นานเท่าใด ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ของทรงพิจารณาและตอบข้าพระองค์ด้วยเถิด ทั้งขอทรงเพิ่มความสว่างแก่ตาข้าพระองค์ เกลือกว่าข้าพระองค์จะหลับอยู่ในความตาย เกรงว่าศัตรูของข้าพระองค์จะว่า เราชนะเขาแล้ว เกรงว่าคู่อริของข้าพระองค์จะเปรมปรีดิ์เพราะข้าพระองค์กำลังหวั่นไหว
นี่คือกษัตริย์ดาวิดที่กำลังถามพระองค์ในใจว่า พระองค์อยู่ที่ไหน พระองค์ทรงลืมข้าพระองค์ พระองค์ได้หันหน้าหนี
คุณเป็นเหมือนกับกษัตริย์ดาวิดในบ้างครั้งไหม การงาน การเงิน ครอบครัว การดำเนินชีวิต การเรียน พระองค์อยู่ที่ไหน กษัตริย์ดาวิดเข้าใจในสถานณ์การณ์นี่แลเป็นแบบนี่มาก่อน ความมืดแปดด้านสามารถเกิดขึ้นกับเราได้ เมื่อเราอธิษฐานพระเจ้าเงียบไปจากชีวิต สาเหตุ
1.เพื่อรอคอยเวลาของพระเจ้า ไม่ใช่เวลาของเราเองแต่เป็นเวลาของพระเจ้าเป็นเวลาที่สมบูรณ์แบบครบถ้วนในแบบของพระเจ้า รอคอยเวลาของพระองค์
2.เพื่อสอนพึ่งพาอาศัยในพระเจ้ามากยิ่งขึ้น ไม่ใช่พึ่งอารมณ์และความรู้สึกของเราเอง เป็นการเติบโตฝ่ายวิญญาณของเราให้ดียิ่งขึ้นในสถานการณ์ต่างๆที่เรากำลังเผชิญอยู่
3.เพื่อเราจะมีความยินดีมากยิ่งขึ้น แท้จริงแล้วพระเจ้าอยู่กับเราเสมอ พระเจ้าไม่เคยลาพักร้อนไปจากในชีวิตของเรา พระเจ้าสัญญาอย่างไรพระเจ้าจะให้อย่างนั้นกับลูกของพระองค์ ไม่ต้องสงสัยในตัวของพระเจ้า เริ่มอย่างไรไม่สำคัญ เท่ากับจบอย่างไร เรายังจะรับใช้พระเจ้า อยู่กับพระเจ้าหรือไม่ นั้นเป็นสิ่งสำคัญกว่า จบอย่างผู้ชนะและถวายเกียรติแด่พระเจ้า เมื่อเราเจอความมืดแปดด้านในชีวิตเราจะเผชิญหน้าอย่างไร
อิสยาห์ 50:10–11
ใครบ้างในพวกเจ้าเกรงกลัวพระเจ้าและเชื่อฟังเสียงของผู้รับใช้ของพระองค์ผู้ดำเนินในความมืดและไม่มีความสว่างแต่ยังวางใจในพระนามพระเจ้าและพึ่งอาศัยพระเจ้าของเขา ดูเถิด เจ้าทั้งสิ้นผู้ก่อไฟ ผู้เอาดุ้นไฟคาดตัวเจ้าไว้ จงเดินด้วยแสงไฟของเจ้าและด้วยแสงดุ้นไฟซึ่งเจ้าก่อ เจ้าจะได้รับอย่างนี้จากมือของเรา คือ เจ้าจะต้องนอนลงในที่ทรมาน
คุณจะต้องเรื่องรู้บ้างอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราในพระธรรมตอนนี้
1.ฝึกใช้ความเชื่อและความไว้วางใจในการติดตามพระเจ้าแม้ในช่วงเวลาแห่งความมืดเป็นโอกาสในการฝึกฝนตัวเองเดินให้ไปถึงเป้าหมายที่พระเจ้าได้ทรงเตรียมไว้และประทานให้กับคุณก่อนที่วาระแห่งความมืดจะมาถึงคุณอีกเป็นครั้งเป็นคราวต้องฝึกความเชื่อของเรามากยิ่งขึ้นอย่าเลิกติดตามพระเจ้าเพราะอีกไม่นานวาระแห่งความสว่างกำลังจะมา
2.ไว้วางใจในพระเจ้าอย่างที่สุด อย่าสงสัยจะต้องใกล้ชิดพระเจ้ามากที่สุดเรียนรู้ให้มาก
3.เข้าใกล้พระเจ้ามากยิ่งขึ้น ยิ่งท้อใจยิ่งต้องมาโบสถ์ให้มากที่สุด
4.อย่าจุดไฟของตัวเองขึ้นมา รอคอยพระเจ้าตามพระสัญญาขอพระองค์อย่าคิดว่าเราเก่งพระองค์จะทำของพระองค์เอง เพื่อคุณจะไม่เสียใจ รอคอยพระเจ้า พระองค์
ฮีบรู 13:8 พระเยซูคริสต์ยังทรงเหมือนเดิมในเวลาวานนี้ และเวลาวันนี้ และต่อๆไปเป็นนิจกาล
ยอห์น 14:18 เราจะไม่ละทิ้งท่านทั้งหลายไว้ให้เปล่าเปลี่ยว เราจะมาหาท่าน
มัทธิว 28:20 นี้แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค
พระเจ้าอยู่กับเราเสมอแม้ในช่วงเวลาเลวร้าย เศร้าใจเสียใจ ท้อแท้ หมดหวัง โดดเดี่ยว และ มืดมิดฝ่ายวิญญาณ ยึดมั่นในพระสัญญาของพระองค์
พระเจ้าอวยพระพร