(สดด.107)

ทุก  ๆ ชีวิตไม่ว่าเป็นคต.หรือไม่ก็ตามต่างต้องเผชิญกับปัญหาความทุกข์ยากลำบากกันทุกคน  ใน

ยก.1:22… เมื่อ​ท่าน​ทั้ง‍หลาย​ประ‌สบ​ความ​ทุกข์‍ยาก​ลำ‌บาก​ต่างๆ ก็​จง​ถือ​ว่า​เป็น​เรื่อง​น่า​ยินดี”

ความยากลำบากที่เราเผชิญนั้น เมื่อท่านผ่านไปด้วยดีก็จะเกิดผลดีตามมา  แต่ถ้าท่านเผชิญได้ไม่ดี ก็จะเกิดผลเสียตามมาเช่นกัน  เราต้องให้พระเจ้าช่วยเราในการเรียนรู้ถึงวิธีที่จะผ่านปัญหาเหล่านั้นได้ถูกวิธี  ดูจากชีวิตที่เป็นแบบอย่างของชาวอิสราเอล ซึ่งก็มีทั้งสอบไม่ผ่านต้องตกอยู่ในถิ่นทุรกันดาร และตายที่นั่น  ส่วนที่รอดออกมาแล้วได้ครอบครองแผ่นดินคานาอันตามพระสัญญา เมื่อนานเข้าก็ติดกับพระพรที่พระเจ้าทรงมอบให้  แต่ไม่ได้คิดถึงผู้ที่ประทานพรให้ ซึ่งต้องให้ความสำคัญสูงสุด  จนกระทั่งเขาหันไปมองสิ่งต่าง ๆ รูปเคารพต่างๆ ที่มีเต็มไปหมดของโลกใบนี้  ในที่สุดเขาก็ทำสิ่งที่น่าเกลียดน่าชังในสายตาพระเจ้า ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยนานอยู่ 70 ปี  ไร้แผ่นดิน ไร้ความสงบ

ดังนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องมาเรียนรู้ถึงเคล็ดลับในการเผชิญความทุกข์ยาก  ซึ่งในความทุกข์ยากนั้น ก็มีสิ่งดี ๆ ที่ซ่อนอยู่  โดย เอสรา ซึ่งผ่านการตกไปเป็นเชลยมา เขาจึงเขียนสดด.107นี้จากประสบการณ์จริงของเขา  ข้อมูลที่เขียนนั้น บ้างก็ได้จากการบอกเล่าจากบรรพบุรุษเกี่ยวกับช่วงอยู่ในถิ่นทุรกันดารว่าเป็นอย่างไร ?   และเมื่อมาอยู่คานาอันเป็นอย่างไร ?  และทำไมเขาต้องมาถูกกวาดต้อนเป็นเชลย และสภาพการเป็นเชลยเป็นอย่างไร ?  เอสราเขียนขึ้นมาเพื่อให้ชาวอิสราเอลขับร้องเพื่อจะระลึกถึงพระคุณของพระเจ้า

สิ่งแรกที่เราต้องตระหนักถึงคือ  ทุกสิ่งที่มีเหตุเกิดขึ้นก็ต้องมีผลตามมาเสมอ  และทุกความยากลำบากเกิดขึ้นมันก็ต้องมีที่มาของเหตุนั้นเช่นกัน ให้เรามาดูจากพระวจนะที่บอกถึงที่มาของปัญหาอยู่ 4 แหล่งด้วยกันคือ

แหล่งที่ 1 [ชีวิตที่หลงทาง]

ข้อ4-5 “บ้าง​ก็​พเนจร​อยู่​ใน​ป่า​ใน​ที่​แห้ง‍แล้ง  หา​ไม่​พบ​ทาง​ที่​จะ​เข้า​นคร​ซึ่ง​พอ​จะ​อา‌ศัย​ได้  5หิว‍โหย​และ​กระ‌หาย  …”

การหลงทางในป่าในที่แห้งแล้งนั้นส่วนใหญ่ตายลูกเดียว และการหลงทางนั้นย่อมมาจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด นั่นเพราะมีทางให้เลือกมากกว่าหนึ่งทาง  ในชีวิตเรามีเรื่องให้เราต้องเลือกตัดสินใจเสมอ และถ้าเลือกผิดเราก็จะมัวหลงทางอยู่ตรงนั้น เช่น การตัดสินใจเลือกเรียนวิชาที่ผิด เลือกคู่ครองที่ผิด ชีวิตก็เกิดผลเสียผิดทิศผิดทาง

แหล่งที่ 2  [เขาถูกขังและถูกผูกมัดไว้ด้วยการติดตรวน]

ข้อ10-11  “10บ้าง​ก็​นั่ง​อยู่​ใน​ความ​มืด​และ​เงา​มัจ‌จุ‌ราช  ถูก​ขัง​อยู่​ด้วย​ความ​ทุกข์‍ยาก​และ​ติด​ตรวน   11เพราะ​เขา​กบฏ​ต่อ​พระ‍วจนะ​ของ​พระ‍เจ้า  และ​หยาม​คำ‍ปรึก‌ษา​ของ​องค์‍ผู้​สูง‍สุด”

มันเป็นความน่ากลัวไม่มีอิสรภาพไปไหนไม่ได้เพราะมาจากการกบฎและดูหมิ่นคำสั่งของพระเจ้า

ยน.10:10 “10ขโมย​นั้น​ย่อม​มา​เพื่อ​จะ​ลัก​และ​ฆ่า​และ​ทำ‌ลาย​เสีย เรา​ได้​มา​เพื่อ​เขา​ทั้ง‍หลาย​จะ​ได้​ชีวิต และ​จะ​ได้​อย่าง​ครบ​บริ‌บูรณ์”

ในโลกนี้มี 2 อำนาจคือพระเจ้าและมาร  หลายครั้งคต. ถูกหลอกว่าการเชื่อพระเจ้านั้นไม่มีอิสรภาพ ถูกห้ามสิ่งนั้นสิ่งนี้ ตามที่คนในโลกเขาทำกัน จึงไม่เชื่อฟังและหันไปยึดติดกับสิ่งที่โลกว่าเป็นสิ่งที่สวยงามน่าลองน่าทำ  หารู้ไม่ว่าจิตวิญญาณของเขานั้นกำลังถูกผูกมัดติดโซ่ตรวนของมารอยู่ เมื่อเกิดเหตุขึ้น ก็จะมีผลตามมาเช่น โลกบอกว่าไม่ต้องให้อภัย แค้นนี้ต้องชำระ เป็นคนคิดเล็กคิดน้อย จนกลายเป็นทาสบาปมากขึ้น ไม่สามารถหลุดออกมาได้

แหล่งที่ 3 [การทำบาปต้องทนทุกข์ยากลำบาก]  ข้อ17-18 “17…  และ​เพราะ​ความ​ผิด​บาป​ของ​เขา เขา​ต้อง​ทน​ความ​ทุกข์‍ยาก … และ​เข้า​ไป​ใกล้​ประ‌ตู​ความ​ตาย”  เมื่อเราทำบาปสภาพจิตใจของเรามักจะพบความทุกข์ยาก และส่งผลไปทางร่างกายจิตใจและจิตวิญญาณของเราด้วยหลายครั้งโรคที่เกิดขึ้นนั้นก็เป็นผลจากบาปที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า  หลายครั้งที่เราสารภาพบาปแล้ว ผลจากการทำบาปนั้นก็ยังส่งผลอยู่  เมื่อเราหว่านสิ่งใดก็จะเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น  (สดด.51:8-12)  กษัตริย์ดาวิดอธิบายสภาพจิตใจของเขาเมื่อพลาดทำบาปต่อพระเจ้า)

แหล่งที่ 4 [ปัญหาจากการทำมาหาเลี้ยงชีพ การเงิน]  ข้อ23-26  “…ทำ​อา‌ชีพ​อยู่​บน​น้ำ​กว้าง​ใหญ่  26คน​เหล่า‍นั้น​ถูก​ซัด​ขึ้น​ไป​สู่​ท้อง‍ฟ้า​และ​ลง​ไป​สู่​ที่‍ลึก ใจ​ของ​เขา​ฝ่อ​ไป​ใน​เหตุ​การ​ร้าย​ของ​เขา”  ถ้าใจเราติดอยู่กับเงินทอง และการเลี้ยงชีพ ปัญหาก็จะถูกนำมาให้กับเรา สภาพเศรษฐกิจของโลกนี้ไม่มีความแน่นอน ชีวิตของเราก็จะไม่แน่นอนตามไปด้วย

เราควรมีท่าทีอย่างไรเมื่อเผชิญกับปัญหาทั้ง 4 แหล่งนี้  ให้เรามาดูพระวจนะพระเจ้ากัน

วิธีที่ 1  จงรับรู้ให้ดีในชีวิตเราว่าพระเจ้าประเสริฐ  ข้อ 1-3 คต.เราจะเผชิญความทุกข์ยากได้ดีแค่ไหนขึ้นอยู่กับเราจะรู้จักพระเจ้าได้ดีแค่ไหนเช่นกัน ! ให้เราเรียนรู้พระลักษณะของพระองค์มากขึ้นทุกวัน

สดด.103:8-10  “พระเจ้าทรงพระกรุณาและมีพระคุณ กริ้วช้าและอุดมด้วยความรักมั่นคง”

พระองค์ไม่ปรักปรำหรือสนองตามความบาปผิดของเรา  ด้วยพระเมตตาและความรักนิรนดร์ ยรม.31:3  และอ.เปาโลกล่าวว่าไม่มีใครพรากเราออกจากพระเจ้าได้ ความรักของพระองค์มีเพียงพอสำหรับเราเสมอ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอะไรทั้งสิ้น

วิธีที่ 2 จงขอบพระคุณพระเจ้า  ไม่ว่าจะเผชิญสภาพการณ์อย่างไร?  ทุกข์ยากแค่ไหน?  ข้อ8,15,21,31 และ1ธส.5:18 จงขอบคุณพระเจ้าในทุกกรณี

วิธีที่ 3 เราต้องเรียนรู้ที่จะถ่อมใจ  ข้อ12  ปัญหาเกิดขึ้นจะทำให้เรามีท่าที 2อย่างคือ หยิ่งผยองหรือถ่อมใจ  ถ้าหยิ่งพระเจ้าก็จะเหยียดหรือกดลง ถ้าถ่อมใจพระเจ้าก็จะทรงยกขึ้น    (ในยก. 4:10 , สภษ.6:18)

วิธีที่ 4 ให้ถวายเครื่องบูชา  ข้อ22 ,32  เป็นท่าทีในใจของเราที่ต้องรักษา  หรือแก้ไขตัวเราเมื่อทำผิดบาปต่อพระเจ้า มันต้องมีการจ่ายราคา ไม่ว่าจะสารภาพ ขอโทษ หรือถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้า และสรรเสริญพระเจ้าด้วยปากของเราถึงความรักมั่นคงของพระเจ้านิจนิรันดร์

การช่วยกู้จากพระเจ้าจะเกิดขึ้นในชีวิตของเราได้อย่างไร?

ข้อ 6,13,19,28 “…ใน​ความ​ยาก​ลำ‌บาก​ของ​เขา เมื่อ​เขา​ร้อง‍ทูล​พระ‍เจ้า  พระ‍องค์​ทรง​ช่วย​กู้​เขา​จาก​ความ​ทุกข์​ใจ​ของ​เขา”

และฟป.4:4-7 พระองค์จะทรงช่วยกู้เราเมื่อเราร้องทูล แสวงหาคำตอบจากพระองค์ ขอพระองค์ทรงสอนและพาเราออกไปจากสถานการณ์ทุกข์ยากนี้  การช่วยกู้ในจิตใจของเราจะเกิดขึ้น หลังจากนั้นการอัศจรรย์จะเกิดขึ้น  ชีวิตเขาจะอิ่มหนำไปด้วยพระคุณและการช่วยกู้ออกจากการผูกมัดในวิญญาณความมืดเสมอ เมื่อเราร้องทูลต่อพระองค์ อาเมน