เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่ทุกๆคนต้องเผชิญ  ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจยากและเข้าใจผิดมากที่สุด แต่เป็นเรื่องที่พระเยซูคริสต์ทรงสอนถึงมากที่สุด เพราะพระองค์มาจากสวรรค์ มีสถิติที่ทำการสำรวจว่าจะมั่นใจไปสวรรค์หรือไม่ มีเปอร์เซ็นต์น้อยมากที่เชื่อแต่ในจำนวนเหล่านั้นต่างก็คิดเหมาไปเองว่าจะได้ขึ้นสวรรค์ตามความคิดและการกระทำของเขา  แต่ไม่ใช่ตามวิถีทางพระวจนะของพระเจ้า  คนเหล่านั้นคือพวกอเทวนิยม(atheist) คือไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า(สดด.14:1) อีกกลุ่มหนึ่งคือพวกอไญยนิยม (agnostic) คือไม่ตัดสินว่ามีพระเจ้าหรือไม่  แต่ใน 2กลุ่มที่ไม่เชื่อพระเจ้านี้  มี 50% ที่เชื่อว่ามีนรก-สวรรค์ และชีวิตหลังความตาย และอีก 12% เชื่อว่าการไว้วางใจและเชื่อในพระเยซูคริสต์ อาจทำให้มีชีวิตหลังความตายก็ได้  คนที่ไม่เชื่อและไม่ต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้าเหล่านี้  น่าสงสารมากสำหรับชีวิตหลังความตายที่เขาต้องเผชิญ

ชีวิตมาจากไหน ?(โยบ34:14-15,ปญจ.12:7)

“…​จิต​วิญ‌ญาณ​กลับ​ไป​สู่​พระ‍เจ้า​ผู้​ประ‌ทาน​ให้​มา​นั้น”)  สรุป ชีวิตมนุษย์มาจากพระเจ้า และจะกลับไปหาพระองค์ พระองค์เป็นเจ้าของ “ทุกชีวิต” โลกนี้จึงเป็นสนามฝึกและสนามสอบของชีวิตเพื่อจะเรียนรู้การบริหารจัดการ และการครอบครองร่วมกับพระองค์  เราจึงขาดจากพระองค์ไม่ได้  เราเกิดมาเพื่อรักและให้กับคนอื่น เหมือนพระคริสต์ที่ทรงเกิดมาเพื่อรักและให้ กับเราทุกคนเช่นกัน ความตายเกิดขึ้นได้อย่างไร ? ศัตรูต้องการทำให้เราสับสน(ปฐก.3) งู“นาคาช”= ผู้ส่องแสงแวววาว =ซาตาน มาหลอกลวงเราและหว่านความสงสัยเพื่อให้เราถูกทำลาย “4งู​จึง​พูด​กับ​หญิง​นั้น​ว่า “เจ้า​จะ​ไม่​ตาย​จริง​ดอก”มันหลอกลวงเอวา  โดยปฎิเสธคำสั่งพระเจ้าโดยสิ้นเชิงว่าจะไม่ตาย พระเจ้าจึงทรงประกาศสงครามกับมัน “15เรา​จะ​ให้​เจ้า​กับ​หญิง​นี้​เป็น​ศัตรู​กัน … พงศ์‍พันธุ์(พระเยซูคริสต์)ของ​หญิง(พรมจันทร์)จะ​ทำ​ให้​หัว​ของ​เจ้า​แหลก …”)   ดังนั้นความตายเกิดขึ้นได้เป็นการลงโทษมนุษย์เพราะความไม่เชื่อฟัง (รม.5:12-17,6:23,ยก.1:14-15)  เป็นการถูกแยกออกไม่ใช่การดับสูญ (ฮบ.1:3, 1ยน.1:7)

ทุกคนที่ตายแล้วไปอยู่ที่ไหน ?

มี 5 คำที่ต้องทำความเข้าใจคือ

  1. เชโอล(Sheol)ฮีบรู=“แดนผู้ตาย” มีปรากฎอยู่ 65ครั้งในพระคัมภีร์ ไม่ใช่หลุมศพ (Grave)เพราะหลุมศพเป็นปลายทางของร่างกาย แต่เชโอลเป็นจุดหมายปลายทางของทุกดวงวิญญาณไม่ว่าจะเคยดีหรือเลวก็ตาม (ปฐก.37:35) และอยู่เบื้องล่าง (สดด.63:9,อสย.14:9,อสย.44:23,อสค.26:20,31:14,16,18และ32:18,24) คำว่า “หลุมศพ”grave มาจากกรีก kever= “ฝัง”ซึ่งในพระคัมภีร์กรีกไม่เคยแปล เชโอลว่าหลุมศพเลย
  2. เฮเดส(Hades)กรีก=“แดนผู้ตาย” ปรากฎอยู่ในพระคัมภีร์ 11 ครั้ง ก็คือ เชโอลกรีกแปลตรงตัวว่า “ไม่ให้เห็น” ดังนั้น “สวรรค์” อยู่สูงและ “แดนคนตาย”อยู่ลึก
  3. กีนนา(Gehenna)=“ที่เผาไหม้” คำนี้ปรากฏในพระคัมภีร์ทั้งสิ้น 12 ครั้ง พระเยซูใช้คำนี้ 11ครั้ง ไฟนรก แปลตรงตัวว่า “หุบเขาฮินโนม”(มธ.5:22,29-30; 10:28; 18:9;23:15,33; มก.9:43,45,47; ลก.12:5 ยก.3:6) กล่าวถึงเป็นครั้งแรกใน(ยชว.15:8;18:16) และซาโลมอน สร้างสถานที่บูชาเคโมชและโมเลคที่นี่ (1พกษ.11:7) – อาหัสและมนัสเสห์เผาลูกๆ ตัวเองให้กับเทพไฟนี้ (2พศด.28:3;33:6) -โยสิยาห์ ทำลายสถานที่นี้และทำให้โทเฟทเสื่อม (2พกษ.23:10,13-14;2พศด.34:4-5) จึงกลายเป็นที่เผาขยะ ทิ้งสิ่งปฏิกูล มีหนอนชอนไช และมีไฟเผาไหม้อยู่เสมอ
  4. ทาร์ทารัส(Tartarus)=“ที่มืดข้างนอก”ใช้เพียงครั้งเดียวใน(2ปต.2:4) คือ สวรรค์อยู่สูงกว่าแผ่นดินโลกมากเท่าใด ทาร์ทารัสอยู่ต่ำกว่าเฮเดสเท่านั้น และเป็นที่คุมขังทูตสวรรค์เท่านั้น ไม่เคยใช้กับมนุษย์
  1. เฮล(Hell)นรก มาจากอังกฤษโบราณ(helan) =“ปิดบังไว้” มาจากคำว่า (celare) ในภาษาลาติน แปลว่า “ซ่อน” ซึ่งมาจากภาษากรีก (calypt) อีกทีแปลว่า “ปกปิดไว้”

ใครสร้างนรก ? (โยบ11:7-8,26:5-6,วว.1:17-18) “…เรา​ถือ​ลูก​กุญ​แจ​ทั้ง​หลาย​แห่ง​ความ​ตาย​และ​แห่ง​แดน​คน​ตาย   ตายแล้วคือจุดจบใช่ไหม ?(ลก.16:19-30) สภาวะที่คนตายไปแล้วไปอยู่ใน เชโอล หรือ ฮาเดส นั้น ไม่ใช่สถานภาพสุดท้าย  เพราะเมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จกลับมาอีกครั้ง ทั้งคนดีและคนเลวที่อยู่ในเชโอลหรือฮาเดสจะเป็นขึ้นมาจากความตาย แล้วเข้าสู่“การพิพากษา” ขณะนี้คนที่ตายแล้วในพระคริสต์ ได้รับการต้อนรับจากพระองค์ และอยู่ที่ที่พระองค์อยู่  แต่ในขณะที่คนที่ตายแล้วโดยไม่รู้จักพระคริสต์ จะได้รับความทุกข์ทรมานชั่วคราว ใน “แดนทรมาน” เหมือนกับเศรษฐี    เมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จมาอีกครั้ง ! คนตายที่แล้วในพระคริสต์ก็เป็นขึ้นมาจากความตายเพื่อที่จะถูกตัดสิน “ได้ชีวิตเป็นรางวัล” – คนตายแล้วโดยไม่รู้จักพระคริสต์ก็เป็นขึ้นมาด้วยเพื่อรับโทษที่ “กีนนา” จึงเรียกว่า “ความตายครั้งที่สอง” – “ศาสนาไหนก็เหมือนกัน” เพราะว่าทุกศาสนาจะถูกตัดสินลงโทษโดยมีพระเยซูคริสต์เป็นผู้พิพากษาเอง (มธ.25:41)

ใครสร้างนรก ? พระเจ้าเป็นผู้สร้างนรกและเป็นเจ้าของนรก

  • ซาตานไม่ได้เป็นเจ้าของนรก หรือ ทรมานคนที่ตกนรก ตรงกันข้าม ตัวมันเองและสมุนของมันต่างหากที่จะต้องตกนรก และถูกทรมาน
  • นรกถูกสร้างขึ้นเพื่อลงโทษ “ซาตานและสมุน”(วว.20:10)

บรรยากาศของนรก !

  • ร้องไห้ และเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส(มธ.13:42;24:51)
  • ความทรมานที่ไม่มีสิ้นสุด(วว. 14.11)
  • ความอับอายขายหน้าชั่วนิรันดร์(ดน.12:2)
  • ไฟที่ไม่อาจดับได้(มธ.3:12; 13:41)
  • พระพิโรธและความโกรธเกรี้ยวของพระเจ้า (วว.14:10)
  • กระหายน้ำ(ลก.16:24)
  • ถูกแยกออกจากพระเจ้าและผู้ชอบธรรมอย่างสิ้นเชิง (ยน.5:29; มธ. 8:12; 22:13; 25:12,41, 2 ธส1:9)

ประชากรของนรก ! คือ

  • บรรดาผู้ที่ยังคงทำบาปต่อไปไม่ยอมเลิกรา (วว.21:8,27)
  • บรรดาผู้ที่รับค่าจ้าของความบาปแทนของขวัญแห่งความรอด (รม.6:23)
  • พวกภูติผีปีศาจ นรกคือที่ที่พระเจ้าสร้างมาไว้เพื่อพวกมันโดยเฉพาะ(มธ.25.41;2ปต.2:4)
  • บรรดาผู้ที่ไม่สำนึกผิดที่ไม่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น(มธ.25:31-46)
  • สัตว์ร้ายและผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จ (วว.20:10)
  • คนชั่วร้าย(1 คร.6:9-11)
  • บรรดาผู้ที่ไม่มีชื่อเขียนเอาไว้ในหนังสือแห่งชีวิต(วว.20:1)

สรุป นรกในปัจจุบัน “เชโอล หรือ ฮาเดส” ทั้งคนที่เชื่อและคนที่ไม่เชื่อมาอยู่รอคอยการเป็นขึ้นมาเพื่อรับการพิพากษา  -คนที่เชื่อ รับรางวัลจากพระเยซูคริสต์  -คนที่ไม่เชื่อ รับการตัดสินลงโทษ  -นรกในบั้นปลาย “กีนนา” จุดหมายปลายทางสุดท้ายของซาตานและสมุนของมัน อีกทั้งบรรดาคนที่ไม่เชื่อ คนที่ตายไปในการบาป

สวรรค์คืออะไร? ใครสร้าง? แล้วใครจะได้เข้าไปอยู่ที่นั่น?
พระคัมภีร์พูดถึงสวรรค์ 3 ชั้น

  1. ที่ที่มนุษย์หายใจได้ “ชั้นบรรยากาศของโลก” ที่ที่สิ่งมีชีวิตอยู่
  2. ที่ที่ไม่มีอากาศหายใจ “นอกชั้นบรรยากาศของโลก” ที่ที่ระบบสุริยะ กาแล็กซี่ จักรวาลอยู่
  3. ที่ที่พระเจ้าประทับอยู่ “เหนือดวงดาวทั้งหลาย”

บรรยากาศของสวรรค์ !(วิวรณ์ 21) 

มีชื่อว่า นครเยรูซาเล็มใหม่  ทำจากทองคำและอัญมณี  มีรูปเป็นลูกบาสก์สี่เหลี่ยมจตุรัส ยาว 1,400 ไมล์ เท่ากันทุกด้าน  รากฐานทำด้วยอัญมณีสิบสองชนิด มีชื่อสาวกสิบสองคนจารึกไว้  กำแพงเมืองทำจากอัญมณี สูงถึง 200 ฟุต  -ประตูทำด้วยไข่มุกเม็ดเดียว มีชื่อเผ่าอิสราเอลทั้งสิบสองเผ่าจารึกไว้ (วิวรณ์ 22)  แม่น้ำแห่งชีวิตไหลในเมืองนั้น ,ต้นไม้แห่งชีวิตปลูกไว้ที่นั่น, ศูนย์กลางของเมืองคือพระบัลลังก์ของพระเจ้า, ถนนสายหลักทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ใส, แสงสว่างของเมืองมาจากพระสิริของพระเจ้า, พระเจ้าเองประทับอยู่ท่ามกลางประชากรของพระองค์, พระพักตร์ของพระองค์จะอยู่ที่นั่นชั่วนิรันดร์กาล

ประชากรของสวรรค์ ! คือ

บรรดาผู้ที่ทนได้ถึงที่สุด(มธ.10:22)  บรรดาผู้ที่โลกเรียกว่า “คนสุดท้าย”(มธ.19:30)  บรรดาผู้ที่รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ(อฟ.2:8-9)  บรรดาผู้ที่รับเอาของขวัญแห่งความรอด(รม.6:23) บรรดาผู้ที่เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระบุตรพระเจ้า(ยน.3:36;20:31)  บรรดาผู้ที่บังเกิดใหม่(ยน.3:3) บรรดาผู้ที่มีพระบุตร(1ยน.5:11-12)  บรรดาผู้ที่มีชื่อถูกเขียนเอาไว้ในสวรรค์(ลก.10:20; วว.21:27)

สรุปทางเดียวที่เราจะไปสวรรค์ได้คือ  คือเชื่อไว้วางใจในองค์พระเยซูคริสต์วันนี้ และรักษาชีวิตแห่งความเชื่อทุกๆ วัน จนกว่าจะได้ไปอยู่กับพระองค์ในอาณาจักรสวรรค์นิรันดร์กาล   พระเจ้าอวยพรทุกๆ คน