ข้อพระคัมภีร์หลัก  กท.6:7-10

ในพระธรรม ยน. 4:36-38 กล่าวถึงการเก็บเกี่ยวฝ่ายวิญญาณคนหว่านอาจจะไม่ใช่คนเดียวกับคนเก็บก็ได้  แต่ในพระธรรม

กท.6:7-10 สอนเรื่องการเก็บเกี่ยวที่ว่า เราหว่านอย่างไร เราจะเก็บเกี่ยวอย่างนั้น(คนหว่านกับคนเกี่ยวเป็นคนเดียวกัน) ตัวอย่างของเรื่องนี้เช่น เราหว่านเมล็ดข้าวพันธ์อะไรก็จะเก็บเกี่ยวข้าวพันธ์นั้น และพืชผักเราจะปลูกอะไรก็ได้พืชพันธ์ชนิดนั้นตามที่หว่าน

ข้อ 8 ผู้ที่หว่านในย่านเนื้อหนังของตน   ก็จะเกี่ยวเก็บความเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น   แต่ผู้ที่หว่านในย่านพระวิญญาณ   ก็จะเกี่ยวเก็บชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น กล่าวถึงการหว่านในชีวิต มี 2 แบบ  คือ            – หว่านย่านวิญญาณ             – หว่านย่านเนื้อหนัง

คริสเตียนเชื่อเรื่องแผ่นดินสวรรค์เห็นคุณค่าฝ่ายวิญญาณ ทุกๆคนมีการหว่านย่านเนื้อหนังอยู่ 4 ชนิด ในการดำเนินชีวิตของแต่ละวันและต้องเก็บเกี่ยวฝ่ายเนื้อหนัง ถึงแม้เราจะพ้นจากเวรกรรมโดยพระเยซูแล้ว เราก็ต้องเก็บเกี่ยวกับการกระทำในแต่ละวัน คำว่า “เนื้อหนัง” ใน กท5:16-17 แต่ข้าพเจ้าขอบอกว่า จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ   อย่าสนองความต้องการของเนื้อหนัง เพราะว่าความต้องการของเนื้อหนังต่อสู้พระวิญญาณ   และพระวิญญาณก็ต่อสู้เนื้อหนัง   เพราะทั้งสองฝ่ายเป็นศัตรูกัน   ดังนั้นสิ่งที่ท่านทั้งหลายปรารถนาทำจึงกระทำไม่ได้ ต่อสู้กับพระเจ้า สิ่งที่อยากเป็นจึงไม่ได้ทำเช่นอยากโตในพระเจ้าแต่ไม่อ่านไม่เรียนพระวจนะ หรือต่อสู้กับคนของพระเจ้า

การหว่านเมล็ด 4 ชนิด ในแต่ละวันมีดังนี้ :-

  1. หว่านเมล็ดด้านการประพฤติการกระทำ กท.5:19-20 การงานของเนื้อหนังนั้นเห็นได้ชัด คือการล่วงประเวณี   การโสโครก   การลามก การนับถือรูปเคารพ   การถือวิทยาคม   การเป็นศัตรูกัน   การวิวาทกัน   การริษยากัน   การโกรธกัน   การใฝ่สูง   การทุ่มเถียงกัน   การแตกก๊กกัน คนที่ประพฤติเช่นนี้จะไม่มีส่วนในแผ่นดินพระเจ้า และใน คส.3:5-9 เหตุฉะนั้นจงประหารโลกียวิสัยในตัวท่านเสีย   มีการล่วงประเวณี   การโสโครก   ราคะตัณหา   ความปรารถนาชั่ว   และความโลภ   ซึ่งเป็นการนับถือรูปเคารพ เพราะสิ่งเหล่านี้   พระอาชญาของพระเจ้าก็จะลงมา ครั้งหนึ่งท่านเคยประพฤติสิ่งเหล่านี้ด้วย   ครั้งเมื่อท่านยังดำรงชีวิตอยู่กับสิ่งเหล่านี้ แต่บัดนี้   สารพัดสิ่งเหล่านี้ท่านจงเปลื้องทิ้งเสีย   คือความโกรธ   ความขัดเคือง   การคิดปองร้าย   การพูดให้ร้าย   คำพูดหยาบโลน อย่าพูดมุสาต่อกัน   เพราะว่าท่านได้ปลดวิสัยมนุษย์เก่า   กับการปฏิบัติของมนุษย์นั้นเสียแล้ว เป็นอาการของเนื้อหนัง  สิ่งเหล่านี้พระเจ้าลงโทษทั้งสิ้น พระพรก็ไม่อยู่เหนือคนเช่นนี้  ทุกคนต้องตรวจสอบกับการประพฤติของตนเพราะหว่านอะไรก็เก็บเกี่ยวเช่นนั้น
  2. หว่านเมล็ดด้านการพูดอฟ.4:29 อย่าให้คำหยาบคายออกมาจากปากท่านเลย แต่จงกล่าวคำที่ดีและเป็นประโยชน์ให้เหมาะสมกับความต้องการ   เพื่อจะได้เป็นคุณแก่คนที่ได้ยินได้ฟัง อฟ.5:4 ทั้งอย่าพูดหยาบคาย   พูดเล่นไม่เป็นเรื่อง   และพูดตลกหยาบโลนเกเร   ซึ่งเป็นการไม่สมควร   แต่ให้ขอบพระคุณดีกว่า มธ.12:36-37 ฝ่ายเราบอกเจ้าทั้งหลายว่า   คำที่ไม่เป็นสาระทุกคำซึ่งมนุษย์พูดนั้น   มนุษย์จะต้องรับผิดในถ้อยคำเหล่านั้น   ในวันพิพากษา เหตุว่าที่เจ้าจะพ้นโทษได้   หรือจะต้องถูกปรับโทษนั้น   ก็เพราะวาจาของเจ้า”พระคัมภีร์ได้เตือนคริสเตียนในเรื่องการพูดจาทุกคำพูดต้องผ่านทางความคิดด้วย แล้วจะรู้ว่าตนเองพูดอะไร นี่คือสิ่งที่หว่านทุกๆวัน เพราะปากเป็นอวัยวะที่ทำผิดมากที่สุด พูดอะไรก็ได้อย่างนั้น โดยเฉพาะเมื่อเจอกับสถานการณ์ที่ไม่ดี อะไรที่หลุดออกจากปากนั้นแหละคือตัวตนของคุณ ไม่ว่าจะเป็นคำบ่นๆอะไรก็ได้อย่างนั้น คนของพระเจ้าควรพูดบวกเสริมสร้างกันและกันอย่าใช้คำพูดกัดกัน ทุกคำพูดต้องรับผิดชอบกับพระเจ้า
  3. หว่านเมล็ดด้านทรัพย์สมบัติลก.12:15-21 แล้วพระองค์จึงตรัสแก่เขาทั้งหลายว่า “จงระวังและเว้นเสียจากการโลภทุกประการ เพราะว่าชีวิตของคนมิได้อยู่ในการที่มีของฟุ่มเฟือย”พระองค์จึงตรัสคำเปรียบข้อหนึ่งให้เขาฟังว่า “ไร่นาของเศรษฐีคนหนึ่งเกิดผลบริบูรณ์มาก เศรษฐีคนนั้นจึงคิดในใจว่า ‘เราจะทำอย่างไรดี เพราะว่าเราไม่มีที่ที่จะเก็บผลของเรา เขาจึงคิดว่า เราจะทำอย่างนี้   คือจะรื้อยุ้งฉางของเราเสียและจะสร้างใหม่ให้โตขึ้น แล้วเราจะรวบรวมข้าวและสมบัติทั้งหมดของเราไว้ที่นั่น แล้วเราจะว่าแก่จิตใจของเราว่า “จิตใจเอ๋ยเจ้ามีทรัพย์สมบัติมากเก็บไว้พอหลายปี   จงอยู่สบาย   กิน   ดื่ม   และรื่นเริงเถิด’ ”แต่พระเจ้าตรัสแก่เขาว่า ‘โอ คนโง่  ในคืนวันนี้ชีวิตของเจ้าจะต้องเรียกเอาไปจากเจ้า   แล้วของซึ่งเจ้าได้รวบรวมไว้นั้นจะเป็นของใครเล่า’ คนที่ส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัว   และมิได้มั่งมีจำเพาะพระเจ้าก็เป็นเช่นนั้นแหละ” การใช้ทรัพย์สมบัติเพื่อตัวเองเท่านั้น เพื่อครอบครัวโดยไม่เห็นแก่จิตวิญญาณของเขา ยก.5:1-5 โดยไม่ทำประโยชน์กับผู้อื่นหรือแผ่นดินพระเจ้า ได้มาโดยเห็นแก่ตัว พระวจนะสอนเกี่ยวกับคนมั่งมีที่มิได้ทำเพื่อพระเจ้าเห็นแก่ตัวเอาเปรียบ สิ่งเรานี้จะฟ้องคนเช่นนั้น แต่ให้สะสมทรัพย์สมบัติในสวรรค์

ใน1ยน.กล่าวว่าอย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก ถ้าเราสัตย์ชื่อเราก็จะเก็บเกี่ยวนิรันดร์………..พระเจ้าอวยพร

ยังมีต่อ ข้อ 4