พระเยซูคริสต์ทรงห่วงใยและทรงมาเพื่อตั้งคริสตจักร นั่นหมายถึงผู้เชื่อทุกคนที่รวมตัวเป็นคริสตจักร เพื่อตอบสนองความรักและการเสียสละของพระเยซูคริสต์ เราผู้เป็นสมาชิกและผู้เชื่อในพระองค์จึงต้องรักคริสตจักร รักพี่น้อง รวมตัวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน สมัยคจ.ในยุคแรกมีการต่อสู้ และการข่มเหงมากมาย แต่คจ.ก็ยังเกิดผลแตกออกไป ขยายเป็นวงกว้างมากมายซึ่งนี่คือบทเรียนที่เราสามารถเรียนรู้จากแบบอย่างของคริสตจักรยุคแรกที่ขับเคลื่อนไปด้วยพระวิญญาณ
- เป็นคริสตจักรที่รักกิจกรรมฝ่ายวิญญาณ
(ข้อ 42 “…เขาทั้งหลายได้ขะมักเขม้น ฟังคำสอน ของจำพวกอัครทูตและ ร่วมสามัคคีธรรม ทั้งขะมักเขม้นในการ หักขนมปัง และการอธิษฐาน…”)
จากข้อนี้ชี้ให้เห็นว่า สมัยนั้นผู้เชื่อทุกคนรักกิจกรรมฝ่ายวิญญาณ เปโตรเทศนาครั้งเดียว มีผู้เชื่อที่กลับใจใหม่ ถึง 3,000 คน พวกเขาแสวงหาพระเจ้าอย่างร้อนรน ตั้งเป็นคจ.ใหญ่ ๆ ได้ เนื่องจากสมาชิกเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะทำกิจกรรมใด ๆ ในฝ่ายวิญญาณเขาต้องแย่งชิงกัน เช่น มาร่วมนมัสการทุก ๆ กิจกรรมแต่เช้า เพื่อนั่งหน้าสุดเพื่อใกล้ชิดการทรงสถิตของพระเจ้ามากที่สุด พวกเขาหิวกระหายอย่างร้อนรนมาก เขาลดกิจกรรมของเนื้อหนังลง เพื่อจะมีเวลาทำกิจกรรมฝ่ายวิญญาณให้มาก เพราะแผ่นดินสวรรค์ผู้เชื่อต้องแย่งชิงกัน แข๋งกันเติบโต และติดสนิทกับพระเจ้าให้มากที่สุด และมากขึ้นทุก ๆ วัน มีตย.เล่าให้คิด คือ มีเศรษฐีคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของม้าแข่งสีขาวและสีดำ เขารักมากและนำมาวิ่งแข่งกันอยู่เสมอ และให้คนงานเลี้ยงดูอย่างดีทั้งคู่ วันหนึ่งเศรษฐีก็มาดูฝีเท้าของม้า 2 ตัวนี้แข็งขันกัน ซึ่งปกติแล้วจะเสมอกันทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ ม้าสีดำวิ่งได้เร็วกว่าและชนะ เขาจึงเรียกคนงานมาถามดูว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเขาไม่สบาย เขาเลยไม่ได้ให้ม้าสีขาวกินข้าวมา 2 วัน แต่ม้าสีดำอยู่ในสถานที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์จึงแข็งแรงและเอาชนะสีขาวได้
เรื่องเล่านี้สอนให้เราคิดได้ว่าเราก็เปรียบเป็นเจ้าของม้าทั้งสอง สำหรับวันอาทิตย์เราก็เหมือนม้าสีขาว ที่มานมัสการเต็มอิ่มกับพระเจ้า ถ้าอยู่แค่ครึ่งวันก็ให้อาหารฝ่ายวิญญาณ ครึ่งวัน แต่อีก 6 วันเราก็ดำเนินชีวิตกับอาหารของเนื้อหนัง โดยเฉพาะละครน้ำเน่าต่าง ๆ มีแต่เกลียด อิจฉาริษยา แก้แค้น และยังมีความบันเทิงทางเนื้อหนังอีกมากมายที่เราบริโภคเข้าไปทุกวันอย่างเต็มที่ ความคิดทางกิเลสต่าง ๆ จึงถูกฝังแน่น วันอาทิตย์เพียงวันเดียวก็ไม่สามารถขุดรากความบาปที่ฝังความคิดนั้นออกไปได้ ดังนั้นเราทุกคนควรจะให้อาหารฝ่ายวิญญาณมากขึ้นคือ ทุกกิจกรรมฝ่ายวิญญาณที่คจ.มี เราต้องร้อนรนแสวงหา และมาร่วมทุกกิจกรรม เพื่อม้าตัวสีขาวในตัวเราจะแข็งแกร่งขึ้น
- เป็นคริสตจักรที่มีความเกรงกลัวในพระเจ้า
(ข้อ 43 “…เขามีความเกรงกลัวด้วยกันทุกคน และพวกอัครทูตทำการอัศจรรย์และหมายสำคัญหลายประการ…”)
ที่นี่กำลังพูดถึงคริสเตียนทั้ง 3,000 คนที่เพิ่งเชื่อพระเจ้า พวกเขาเกรงกลัวพระเจ้ากันทุกๆ คน สิ่งที่เกิดขึ้นอัครฑูตและบรรดาผู้รับใช้พระเจ้าทำการอัศจรรย์ และหมายสำคัญมากมายเกิดขึ้น ดังนั้นพวกเราซึ่งเป็นสมาชิกในคจ. จึงต้องมีการดำเนินชีวิตด้วยความเกรงลัว หรือเกรงใจพระเจ้า คือการมีชีวิตที่ตระหนักถึงว่าในสิ่งที่เราจะกระทำในสิ่งนั้น ๆ เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงพอพระทัยหรือไม่ เช่นการพูด หรือการทำบาปต่าง ๆ ให้เกรงใจพระเจ้าในการตัดสินใจก่อนทุกครั้ง และนี่แหละเราก็จะมีชีวิตที่พร้อมจะไปกับพระเจ้าทันที โดยไม่มีอุปสรรคด้านฝ่ายเนื้อหนังกีดขวาง การเกรงใจพระเจ้าจะเป็นเกราะป้องกันชีวิตของเรา เพราะไม่ว่าเราจะกระทำสิ่งใดก็ตามพระเจ้าทรงสถิตทุกหนทุกแห่ง ทรงเห็นการกระทำของเราทั้งหมด และเมื่อบรรดาสมาชิกทุกคนในคจ. รวมตัวนมัสการพระเจ้าด้วยหัวใจที่มีความยำเกรงพระเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าพอพระทัยก็จะเสด็จลงมา พร้อมกับการทำงานของพระองค์ที่เคลื่อนในคจ.มากขึ้น
- เป็นคริสตจักรที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
(ข้อ 44-45 “…บรรดาผู้ที่เชื่อนั้นก็อยู่พร้อมกัน ณ ที่แห่งเดียว และทรัพย์สิ่งของของเขาเหล่านั้น เขาเอามารวมกันเป็นของกลาง เขาจึงได้ขายที่ดินและทรัพย์สิ่งของมาแบ่งให้แก่คนทั้งปวงตามซึ่งทุกคนต้องการ…”
ในสมัยนั้นไม่ว่าการเดินทางอาจจะไม่สะดวกสบาย และใน3,000 คน ก็อยู่กระจัดกระจายไกลบ้าง แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่อุปสรรค พวกเขามารวมตัวอยู่พร้อมกัน ณ ที่แห่งเดียวเพื่อนมัสการพระเจ้า มารวมตัวกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน หนุนใจซึ่งกันและกัน และสิ่งที่ยากมากของเราในสมัยนี้แต่พวกเขาทำก็คือพวกเขานำสมบัติต่าง ๆ มารวมกันแบ่งปันกันตามความต้องการของทุกคน ดังนั้น เราผู้เชื่อควรมีหัวใจที่จะมอบสิทธิครอบครองอยู่เหนือวัตถุต่าง ๆ ที่มีมากนั้นให้กับพระเจ้า เพื่อแบ่งปันกัน เพื่อเห็นแก่การรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพราะความเป็นน้ำหนึ่งนั้นเป็นเรื่องเปาะบาง ความแตกแยกเกิดขึ้นได้ง่าย เราจึงควรมีจุดยืนเหมือนกันเพื่อคจ. จำเริญขึ้น เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า (อฟซ.4:3 “…จงเพียรพยายามให้คงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน…”)
- เป็นคริสตจักรที่มีความรักต่อพี่น้อง
(ข้อ 46 “…เขาได้ร่วมใจกันไปในพระวิหาร และหักขนมปังตามบ้านของเขา ร่วมรับประทานอาหารด้วยความชื่นชมยินดี และใจกว้างขวางทุกวันเรื่อยไป…”)
พวกเขาเข้าใจถึงพิธีมหาสนิทอย่างดี คำว่า “ตามบ้าน”นี้หมายถึงการที่เราจะเปิดชีวิตของเรา ถ่ายทอดความเชื่อของเราให้ผู้อื่นได้เข้ามาในชีวิตเรียนรู้และนำไปใช้ได้ ในสมัยนั้นทุกคนอาจจะมั่งมีบ้างยากจนบ้าง แต่พวกเขาก็เปิดบ้านเพื่อต้อนรับพี่น้อง หรืออาจเป็นผู้เชื่อใหม่ คนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านรับรู้ถึงชีวิต และแบ่งปันอาหารให้กับคนที่ไม่มีรับประทานร่วมกันด้วยความยินดี และนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่มีการเกิดคจ.ขยายออกมากมาย แม้ว่าจะมีการข่มเหงมาขัดขวางก็ตาม การรับประทานอาหารร่วมกันนั้นก็คือ การสามัคคีธรรมอย่างลึกซึ้ง เพราะคนเหล่านั้นที่รับประทานร่วมกับเรา อาจเป็นคนที่น่าเกลียดสำหรับเรา หรือเป็นคนที่เราไม่เคยรู้จักเลย ดังที่พระเยซูคริสต์ตรัสว่า “เราเคาะประตูใจ..เมื่อใครเปิดประตูต้อนรับเรา เราจะรับประทานอาหารร่วมกับเขา…” แสดงให้เห็นว่าเราได้มีความรักของพระคริสต์อยู่ในหัวใจ มีการเชื่อฟังนั่งรับประทานกับทุกคนได้
- เป็นคริสตจักรที่คนภายนอกชอบใจ
(ข้อ 47 “…ทั้งได้สรรเสริญพระเจ้าและคนทั้งปวงก็ชอบใจ…”)
- เมื่อคจ.ที่รวมตัวกันรักกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ก็ทำให้พระเจ้าและคนภายนอกพอใจ ชอบใจ เราควรทำหน้าที่ให้สมบูรณ์โดยไม่ละทิ้งหน้าที่ที่เราควรรับผิดชอบ และดูแล เช่น การออกไปรับใช้อย่างหนักกับคนภายนอกโดยอ้างเพื่อพระเจ้า แต่กับคนในครอบครัวไม่เคยดูแล หรือเอาใจใส่ สิ่งเหล่านี้ก็ไม่เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า และนั่นก็ย่อมไม่เป็นที่ชอบใจสำหรับคนภายนอกทั่วไปเช่นกัน นี่ก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ครอบครัวของผู้เชื่อ หรือผู้รับใช้ไม่ต้อนรับพระเจ้า เพราะเราอาจทำการรับใช้จนละเลยคนในครอบครัวของเรา รักคนอื่นได้แต่ไม่รักคนในครอบครัวก็ไม่สำแดงความรักของพระเจ้า
สรุปว่าถ้าคริสตจักรของเราจะเคลื่อนไปกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้นั้น เราผู้เชื่อซึ่งเป็นสมาชิกทุก ๆ คน ควรสำรวจชีวิตของเราตามตัวอย่างชีวิตของผู้เชื่อในคจ.ยุคแรกที่กล่าวมานี้ ที่จะมีชีวิตรักกิจกรรมฝ่ายวิญญาณมากกว่าฝ่ายเนื้อหนัง มีความยำเกรงหรือเกรงใจพระเจ้าเป็นที่ตั้งในการดำเนินชีวิต มีจิตใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีความรักแบ่งปันกัน ต่อพี่น้องในคจ.และผู้อื่น ตระหนักถึงภาระหน้าที่ที่เราต้องดูแลรับผิดชอบทั้งครอบครัวและการรับใช้ให้สมดุลกัน เพื่อให้พระเจ้าทรงพอพระทัยและคนในครอบครัวและคนภายนอกชอบใจถึงชีวิตแห่งความเชื่อของพวกเราทุกคน และนี่ก็คือคจ.ที่เคลื่อนไปกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า ขอพระเจ้าทรงอวยพรทุก ๆ คน อาเมน