(กาละเทีย 5:1,13-14)
“1เพื่อเสรีภาพนั้นเอง พระคริสต์จึงได้ทรงโปรดให้เราเป็นไท เหตุฉะนั้นจงตั้งมั่น และอย่าเข้าเทียมแอกเป็นทาสอีกเลย… 13ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ที่ทรงเรียกท่านก็เพื่อให้มีเสรีภาพ อย่าเอาเสรีภาพของท่านเป็นช่องทางที่จะปล่อยตัวไปตามเนื้อหนัง แต่จงรับใช้กันและกันด้วยความรักเถิด 14 เพราะว่าธรรมบัญญัติทั้งสิ้นนั้นสรุปได้เป็นคำเดียว คือว่า จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”
การรับใช้กันและกันด้วยความรักนั้น เป็นเรื่องยาก เพราะผู้ที่จะทำได้นั้นต้องเสียสละเป็นอย่างมาก พร้อมกับความอดทนอย่างสูง และสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องเรียนรู้และเข้าใจเป็นตัวอย่างที่ดีคือ พระเยซูคริสต์ทรงรักเราเป็นอย่างมากจนได้เสียสละพระองค์เองตายบนไม้กางเขนเพื่อพวกเราทุกคนที่ยังเป็นคนบาปอยู่ และไม่มีใครสามารถเลียนแบบเท่าเทียมกับพระองค์ได้ (รม.5:7-8) นี่แหละที่ทำให้พวกเราทุก ๆ คนที่รู้ความจริงนี้ได้รับความรอด แต่ก็ยังมีอีกมากมายที่ยังไม่ได้รับความรอดจากความจริงนี้ พวกเราทุก ๆ คนจึงต้องเสียสละเหมือนพระเยซูคริสต์เพื่อนำพาพวกเขาให้ได้รับความรอด ส่วนในการเสียสละนี้อาจจะเป็นเวลา, ทรัพย์สิน, ความสะดวกสบายของเราด้วย
ในข้อ1&13 นั้น “การเป็นทาส ..และการรับใช้กันและกันด้วยความรัก” อ.เปาโลกำลังตีความหมายให้เรารู้ได้ว่าพวกเราควรรับใช้แบบการเป็นทาส อีกนัยหนึ่งคือจงเป็นทาสซึ่งกันและกันด้วยความรักเถิด หรือจงปรนนิบัติกันและกันด้วยท่าทีของความเป็นทาสด้วยความรักเถิด คำว่า “ทาส” นี้ใช้คำว่า “doulos” ดูโลส แปลว่า “ทาสสมัครใจ” เป็นเบื้องหลังจากพระคัมภีร์เดิม คือ เมื่อทาสคนหนึ่งคนใดได้ทำงานเป็นทาสจนครบ 7 ปีแล้ว จะได้รับการปลดปล่อยเป็นไท และถ้าทาสคนนั้นยังเต็มใจเป็นทาสต่อไป เขาจะถูกเรียกว่า “ทาสสมัคร-doulos” ซึ่งเป็นคำกิริยา 25 ครั้ง (ข้าพเจ้ารับใช้คนอื่น) 5 ครั้งใช้เป็นทางการ 125 ครั้ง ใช้เป็นคำนาม (ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้) อ.เปาโลได้บันทึกไว้ซึ่งตีความหมายให้เข้าใจง่ายๆ คือ “…พี่น้องทั้งหลาย เราถูกเรียกมาสู่ความเป็นไท-มีเสรีภาพ แต่อย่าใช้เสรีภาพที่ได้รับ เพื่อปรนเปรอธรรมชาติบาปของตนเอง แต่จงใช้เสรีภาพที่มีอยู่นั้นรับใช้กันและกันด้วยความรักเถิด…” หรือพูดกับเราว่า “คจ.มหาพรตรีมณฑล เราถูกเรียกเข้าสู่ความเป็นไท-เสรีภาพ นั้นเพื่อปรนนิบัติรับใช้พี่น้องของเรา นี่เป็นเอกลักษณ์และอาชีพเฉพาะของเราผู้เป็นคริสเตียน เราเป็นทาสด้วยความสมัครใจ เต็มใจและถ่อมใจ เราจึงยอมจำนนต่อพระเจ้า เพื่อการปรนนิบัติรับใช้ซึ่งกันและกันด้วยวิญญาณแห่งความรัก
อยากให้เราเห็นภาพของ “ทาสสมัคร” ในพระคัมภีร์ว่า เป็นแบบใด คิดอย่างไร ทำอย่างไร เพื่อเราจะสามารถเข้าใจ การรับใช้พระเจ้าและรับใช้กันและกันด้วยความรักได้ดีกว่าเดิม
- ทาสรู้ว่าการรับใช้พระเจ้าเป็นทางดีที่สุดทางหนึ่งในการเป็นพยานพระคริสต์
“…แต่ความเชื่อของท่านในพระเจ้าได้ลือไปทุกแห่งหน จนเราไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก…” (1ธส.1:8-10) - อ.เปาโลเขียนจม.ถึงเมืองเธสะโลนิกาว่า “ความเชื่อของเมืองนี้ได้เลื่องลือไปทั่วโลก สมาชิกนั้นได้กลับใจใหม่ร่วมกันรับใช้ ด้วยใจและความหวังว่าพระเยซูคริสต์เจ้าจะเสด็จมา และรับบำเหน็จจากสวรรค์ทุกคน นั่นสะท้อนถึงเราว่า ถ้าใครสักคนหนึ่งที่จะพูดถึงคจ.มหาพรตรีมณฑลนั้น เขาจะเห็นอะไรในเรา เหมือนอ.เปาโลเห็นความเชื่อในเธสะโลนิกา ส่วนท่าทีของการรับใช้พระเจ้าด้วยความรักตามพระบัญชาของพระเจ้านั้น คือการรับใช้บุตรของพระเจ้าในพระกายเดียวกัน เราสำแดงออกเป็นการกระทำซึ่งไม่ใช่แค่เพียงสมาชิกในคจ.เท่านั้น แต่เราต้องสำแดงออกไปถึงคนภายนอกที่ยังไม่รู้จักพระเจ้าด้วย
ในมธ. 25:40 “…พระมหากษัตริย์จะตรัสกับเขาว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ซึ่งท่านได้กระทำแก่คนใดคนหนึ่งในพวกพี่น้องของเรานี้ ถึงแม้จะต่ำต้อยเพียงไร ก็เหมือนได้กระทำแก่เราด้วย’…”
คือรับใช้คนของพระเจ้า รวมถึงพันธกิจต่าง ๆ สำหรับชุมชน ฯ และนี่เป็นคำพยานที่ดี ที่มองเห็นได้เพราะเห็นพระเจ้าในเราผ่านการกระทำในการรับใช้ต่าง ๆ ของเราออกไปสู่ผู้คน
- ทาสรู้ว่าการรับใช้พระเจ้าไม่ใช่ “ตำแหน่ง” แต่เป็น “สิทธิพิเศษ”
1 คร. 9:19 “…เพราะถึงแม้ว่าข้าพเจ้ามิได้อยู่ในบังคับของผู้ใด ข้าพเจ้าก็ยังยอมตัวเป็นทาสรับใช้คนทั้งปวง เพื่อจะได้ชนะใจคนมากยิ่งขึ้น…”อ.เปาโลกำลังพูดถึงการรับใช้เพื่อชนะใจคน ไม่ได้ให้ตำแหน่งเป็นแรงจูงใจในการรับใช้ แต่เป็นสิทธิพิเศษและเสรีภาพในพระคริสต์เป็นเหตุให้อ.เปาโลปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า ชึ่งขยายความได้ว่าก่อนเชื่อพระเจ้าเรานั้นเป็นทาสของโลกใบนี้ไม่ว่าจะด้านการเงิน โรคภัย ยาเสพติดต่าง ๆ กิเลสตัณหา ฯลฯ แต่เมื่อเราเป็นอิสระหลังจากเชื่อพระเจ้าแล้วก็ให้เราใช้เวลา เงินทอง สุขภาพที่เรามีเหลือเฟือจากการที่พระเจ้าได้ไถ่เราไม่ให้ต้องเป็นทาสสิ่งเหล่านั้นอีก มาปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าโดยรับใช้ดูแลผู้อื่นแทน และที่สำคัญที่สุดเราควรขอบคุณพระเจ้าที่เราได้โอกาสดีที่จะได้รับบำเหน็จจากพระเจ้า และอย่าคาดหวังที่จะได้รับคำชมเชยจากใคร เพราะถ้าเราไม่มีใครชมเชยเรา เราอาจหมดหวังในการรับใช้ และเลิกรับใช้ไปเลยก็ได้ - ทาสรู้ว่าการรับใช้พระเจ้าดีที่สุดจะต้องทำกันเป็นทีม
ฟป.2:22 “… แต่ท่านก็รู้ถึงคุณค่าของทิโมธีดีแล้ว ว่าเขาได้รับใช้ร่วมกับข้าพเจ้าในการประกาศข่าวประเสริฐ เสมือนบุตรรับใช้บิดา…”อ.เปาโลท่านรู้และเก่งทุกอย่าง แต่ท่านเองก็ทำงานเป็นทีม เพราะเป็นทีมสำเร็จได้ง่ายกว่า และยิ่งใหญ่กว่า ตารางการทำงาน 2 แบบมีดังนี้
[table width=”100%” colwidth=”25%|25%|25%|25%”]
พระเอก(อัศวิน)ขี่ม้าขาว = One man show,ทำเป็นทีม = Team work
อิสระ เอกราช – Independence,การพึ่งพาอาศัยกัน – Interdependence
การแยกตัวออก (แยกไปอยู่เกาะคนเดียว) – Isolation,การปรองดอง/รับรอง(การรองรับคนอื่น) – Accommodation
ตามลำพัง โดดเดี่ยวเดียวดาย – Alone,ร่วมด้วยช่วยกัน – Along
[/table]
สรุปว่าการทำงานรับใช้พระเจ้านั้นเราควรรับใช้แบบเป็นทีม เพื่อให้คนอื่นได้มีส่วนร่วมในการรับใช้ เหมือนพระเยซูคริสต์ที่ทรงทำงานเป็นทีมเสมอ เป็นขบวนการ accommodation ซึ่งรองรับคนอื่น ๆ เข้ามามีส่วนในการรับใช้ ทำงานแบบร่วมด้วยช่วยกัน จนเขาสามารถทำได้เราก็ไปเริ่มทำงานส่วนอื่น ๆ เพิ่มเติมขึ้น งานของพระเจ้าก็ขยาย และเคลื่อนไปด้วยการเกิดผล
สุดท้ายขอให้พวกเราทุกคนร่วมกันรับใช้ซึ่งกันและกันด้วยความรัก เป็นทาสสมัครใจในการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า ด้วยการตระหนักถึงสิทธิพิเศษที่พระเจ้าได้ทรงไถ่เราให้พ้นจากความบาปและให้เราเป็นอิสระ เราจึงมีเสรีภาพเป็นแรงขับเคลื่อนเราในการปรนนิบัติพระเจ้าเพื่อให้แผ่นดินของพระเจ้าขยายไปสุดปลายแผ่นดินโลก และรับพระพรจากสวรรค์ร่วมกันในพระคริสต์