ในการดำเนินชีวิตของเราประจำวัน เราต้องนำข่าวดี ข่าวประเสริฐไปสู่ผู้คนต่างๆที่อยู่รอบตัวเรา รวมถึงคนอื่นๆที่เราต้องเกี่ยวข้องด้วย นอกจากนี้ยังรวมถึงคนอื่นๆที่เราไม่อยากเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน ในพระคำของพระเจ้าใน
ยอห์น 4:1-6 ได้กล่าวถึงพระเยซูทรงประกาศเรื่องราวข่าวประเสริฐแก่หญิงชาวสะมาเรีย (ในเวลานั้นคนยิวจะไม่คบหาสมาคมกับชาวสะมาเรีย เพราะถือว่าชาวสะมาเรียเป็นคนต่างชาติไม่ใช่ชนชาติที่บริสุทธิ์ในสายพระเนตรของพระเจ้า จึงไม่อยากคบหาหรือสมาคมด้วย) ในเวลาเที่ยงวันแดดร้อนจัด และเป็นเวลาที่พระองค์หิวด้วย แต่พระเยซูเป็นแบบอย่างในการฉวยเวลา และการไม่เพิกเฉยต่อคำสั่งของพระเจ้าในเรื่องการประกาศ ประกาศได้ทุกที่ ทุกเวลา และกับทุกคน (กิจการ 1:8)
ปกติการที่เราจะมีการพูดคุยกับผู้อื่น เรามักจะทำเมื่อเราต้องการอะไรจากคนนั้น หรือได้รับผลประโยชน์จากคนนั้น แต่ในการดำเนินกับพระเจ้า การประกาศข่าวประเสริฐ เราต้องจ่ายราคา และจากตัวอย่างนี้ของพระเยซู การที่พระองค์ต้องเดินทางเหน็ดเหนื่อย และการใช้เวลาช่วงการรออาหารจากสาวก นี่ก็เป็นการจ่ายราคาของพระเยซู เช่นเดียวกัน เราเองก็ควรจ่ายราคาเพื่อข่าวประเสริฐของพระเจ้าจะไปถึงคนอื่นๆได้
การประกาศข่าวประเสริฐเพื่อนำคนมาถึงแผ่นดินของพระเจ้า เราต้องทำอย่างไรบ้าง?
เราต้องทำลายกำแพงหรือกรอบที่ล้อมเราอยู่
เปิดตัวไปหาคนอื่น เข้าไปพูดคุยกับคนอื่นก่อน ผูกมิตร ผูกสัมพันธ์กับคนอื่นก่อน เป็นเพื่อนกับเขาก่อน
เราต้องจ่ายราคา
ทุกอย่างต้องมีการจ่ายราคา ต้องลงทุนลงแรง แม้แต่ข่าวประเสริฐเรื่องความรอด พระเยซูเองก็ต้องจ่ายราคา โดยการยอมสละพระองค์เองถูกตรึงตายบนไม้กางเขน เป็นการจ่ายราคาที่แพงมากเพื่อมนุษย์ทุกคน เพื่อความรอดของมนุษย์ “จ่ายราคา” ในที่นี้หมายถึง สิ่งของ กำลังเรี่ยวแรง เวลา ความสามารถ สติปัญญา ทรัพย์ ของเราใน ลูกา 16.8-9 ได้พูดถึงการใช้ทรัพย์อธรรมเพื่อจ่ายราคาเพื่อความรอดแก่ผู้อื่น
เราต้องยอมเสียสละ
ใน มาระโก 10.29-31“29พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดได้สละบ้าน หรือพี่น้องชายหญิง หรือบิดามารดา หรือลูก หรือไร่นา เพราะเห็นแก่เราและข่าวประเสริฐของเรา 30ในยุคนี้ ผู้นั้นจะได้รับตอบแทนร้อยเท่าคือ บ้าน พี่น้องชายหญิง มารดา ลูกและไร่นา ทั้งจะถูกการข่มเหงด้วยและในยุคหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร์”
ข้อนี้เราไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องทิ้งบ้าน ขายบ้าน ทิ้งลูก ทิ้งพ่อแม่ไม่ดูแล ทิ้งการงานไม่ต้องทำ แต่ให้เรายอมเสียสละเวลาหรือสิ่งของในเรื่องสิ่งเหล่านี้บ้าง ไม่ใช่ทิ้งไปเลย พระเจ้าทรงสัญญาที่จะตอบแทนให้เราร้อยเท่า หากมีคนบอกว่ามีเงินฝากให้อยู่ในธนาคาร หนึ่งล้านบาท แม้ฝนจะตกแดดจะออก เราจะต้องรีบไปเอาเงินนั้นมาให้ได้ แต่เมื่อพระเจ้าตรัสกับเราในเรื่องการเสียสละเพื่อข่าวประเสริฐ เราควรจะทำอย่างยิ่ง เพราะพระองค์ทรงสัญญาจะจ่ายคืนให้ร้อยเท่า เราควรมีหัวใจในการเสียสละ ทรัพย์สิน เวลา แรงกาย เพื่อแผ่นดินของพระเจ้า เพื่อเห็นแก่การประกาศความรอด
พระเยซูทรงจ่ายราคาเพื่อความรอดของเราด้วยการสละชีวิตของพระองค์เองเพื่อเรา เราเคยจ่ายราคาเพื่อนำความรอดไปสู่คนอื่นบ้างไหม? เราเคยอธิษฐานในคริสตจักรเพื่อคนเหล่านั้นมากน้อยเพียงไร? เราจ่ายเงินจ่ายทองเพื่อนำคนมาถึงความรอดมากแค่ไหน? ขอพระเจ้าช่วยเราที่เราจะมีหัวใจแห่งการเสียสละและพร้อม ยินดี ที่จะจ่ายราคาเพื่อผู้อื่น
ขอพระเจ้าอวยพระพร
ศศกร กลิ่นส่ง
( ผู้สรุปคำเทศนา )