ข้อพระคัมภีร์หลัก โคโลสี 1:9-12
หลายครั้งเมื่อเราอธิษฐาน แล้วเราไม่เห็นผลก็เพราะเรามองแค่มุมเดียว คือการอธิษฐานเพื่อจะขอจากพระเจ้าเพียงอย่างเดียว เราคิดว่าต้องขอเสมอ วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจเรื่องการอธิษฐานให้มากขึ้น เพื่อให้การอธิษฐานเป็นการอธิษฐานที่สามารถนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ชีวิตของเราและผู้ที่เราอธิษฐานเผื่อด้วย การขอเป็นส่วนหนึ่งของการอธิษฐาน แต่ไม่ใช่แค่การขออย่างเดียว เพื่อเราจะรับคำตอบจากพระเจ้าได เมื่อเราอธิษฐานพระเจ้าจะทรงตอบเราเสมอ อาจช้าไม่ทันใจเราบ้้าง แตพระองค์่ไม่เคยสายพระองค์ทันเวลาเสมอ พระองค์จะตอบตามเวลาของพระองค์ไม่ใช่เวลาของเรา ์ คำอธิษฐานของคริสเตียนเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุด การอธิษฐานของคริสเตียนมีอิทธิพลที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ (ยก.5:16) พระคัมภีร์บอกให้เราอธิษฐาน พระคำของพระเจ้าบอกไว้จึงเป็นสิ่งสำคัญและไม่ควรละเลย ้ดังนั้นให้เราสำนึกเสมอว่าการอธิษฐานของเราเป็นพลังมาก และเป็นอาวุธที่ร้ายแรงมากที่พระเจ้าจะทำงานผ่านเราได้ เมื่อพระเจ้าไม่ตอบทันทีเราจึงท้อแท้ ถ้าท้อแท้เราก็แพ้ การอธิษฐานของคริสเตียนมีพลังและเกิดผล เมื่อเราอธิษฐานจะมีผลลัพธ์เกิดขึ้นเสมอ การอธิษฐานของเราควรเป็นการอธิษฐานที่ทำให้เราเรียนรู้จักพระเจ้าได้มากขึ้น การรู้จักพระเจ้้่ายิ่งเรารู้มากและประพฤติตามสิ่งที่เราเรียนรู้นั้น จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้การอธิษฐานของเราเกิดผลและเกิดการเปลี่ยนแปลง อ.เปาโลขยันอธิษฐานเพราะท่านเชื่อว่า เมื่อท่านอธิษฐานจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีเสมอ ไม่ว่าจะเป็นแก่ผู้ที่อธิษฐานเอง หรือผู้รับการอธิษฐานเผื่อ อ.เปาโลให้ความสำคัญกับการอธิษฐานมาก คำอธิษฐานที่จะนำการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเป็นอย่างไร…
หนึ่ง ทำให้เราเพียบพร้อมด้วยความรู้ (ข้อ 9)
ที่กล่าวอย่างนี้ไม่ได้ห้ามขอ แต่การขอเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น ทุกคำอธิษฐาน จะทำให้เรามีความรู้ในการเปลี่ยนแปลง และติดตามพระเจ้า ทุกครั้งที่เราอธิษฐานจะต้องเปลี่ยนแปลง เราต้องใคร่ครวญ ทำความเข้าใจ และปฎิบัติตามพระวจนะนั้น จะทำให้ความเชื่อของเราเติบโต พระคำที่ว่า “ถ้าท่านรู้จักสัจจะ สัจจะจะทำให้เราเป็นไท” นั้นบอกเราว่า ยิ่งเรารู้จักสัจจะหรือความจริงตามพระวจนะมากเท่าไร เราจะยิ่งเป็นไทมากเท่านั้น มากขึ้นตามการรู้จักสัจจะ เมื่อเราอธิษฐาน เราจะมีความรู้ ความเข้าใจ เพิ่มพูน ความรู้เรามากขึ้น เพราะเรา…
1.1 รู้ถึงพระทัยของพระองค์ คริสเตียนไม่เปลี่ยนเพราะเราไม่รู้จักน้ำพระทัยพระเจ้า และบางคนรู้แต่ไม่ยอมก็ไม่เปลี่ยนแปลง พระคัมภีร์เป็นคู่มือที่เราจะเป็นเหมือนพระเจ้า พระคัมภีร์เป็นเหมือนคู่มือให้เรา เพื่อเราจะปฏิบัติต่อตัวเรา ผู้อื่น และครอบครัวอย่างไรจากคู่มือนี้ มีกี่ครั้งที่เรา อธิษฐาน แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย อธิษฐานแล้วอธิษฐานเล่่าแต่ไม่มีอะไรในตัวเราที่เปลี่ยนแปลง เป็นการขาดทุน เพราะเราไม่เข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้า การเรียนรู้ที่จะรู้จักน้ำพระทัย และพร้อมจะปฏิบัติให้มากขึ้นจะทำให้คำอธิษฐานของเรานำการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลง สิ่งแรกคือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเราก่อน คือ ชีวิตที่เติบโตขึ้นในทางพระเจ้า
1.2 รู้ในสรรพปัญญา คือปัญญาทั้งสิ้น ปัญญากับความรู้ต่่างกันอย่างไร? ปัญญาเกิดขึ้นภายในทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่เราเรียนรู้มาเอาไปใช้อย่างไร ความรู้สามารถเรียนได้ เราต้องอธิษฐานว่าอย่าให้มีแค่ความรู้ แต่ให้มีปัญญาจากภายใน ที่เราจะสามารถดำเนินชีวิตที่สอดคล้องกับพระคำของพระเจ้า การอ่่านพระคำเป็นจุดเริ่มต้นของปัญญา
1.3 ความเข้าใจฝ่ายวิญญาณ
ทุกการอธิษฐานให้้เราเข้าใจเรื่องฝ่ายวิญญาณมากขึ้น ในปัญหานั้นเพราะซาตานอยู่เบื้องหลัง (บุคคลิกของมนุษย์ 4แบบ ร่าเริง จริงจัง ใจเย็น เงียบขรึม เราจะต้องเรียนรู้ในความแตกต่างของแต่ละคน เพื่อจะเข้าใจกัน)
การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้น เพราะเราเข้าใจความรู้ในสรรพปัญญาจากพระเจ้า
สอง ทำให้เราประพฤติอย่างที่สมควรต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า (ข้อ 10)
2.1 ทำตนให้เป็นที่ชอบพระทัยพระองค์ เราอาจทวนกระแสของสังคม อย่าอ้างว่าก็คนอื่นเขาทำกัน ใช้ไม่ได้กับพระเจ้า ทำแล้วไม่มีใครเดือดร้อน ก็ไม่ได้ พระเจ้า้ไม่ได้เรียกให้เราทำเหมือนคนอื่น แต่ให้แตกต่างและสอดคล้องกับพระคำพระเจ้า ไม่ตามกระแสสังคม กระแสสังคมจะเปลี่ยนพระวจนะไม่ได้ การอธิษฐานท้ังส่วนตัวและรวม จะต้องนำเราไปสู่การเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้้า ถ้าเรารักใครเราอยากจัดให้ เมื่อเรารักพระเจ้า เราอยากให้เป็นที่พอพระทัย คือสิ่งที่พระเจ้าชอบ เราจะไม่ทำในสิ่งที่พระเจ้าไม่ชอบ (ตัวอย่าง อย่าให้หวยมีอิทธิต่อชีวิตของเรา) ดังนั้น การอธิษฐาน ของเราควรทำให้เราเติบโตขึ้น และทำในสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย และเต็มใจ
2.2 เกิดผลในการดีทุกอย่าง เป็นนำ้พระทัยของพระเจ้า ทำให้เราประพฤติดีสมกับเป็นลูกของพระเจ้า เกิดผลดีทุกอย่าง ภาวนาและคิดในสิ่งที่ดี ต่อครอบครัวต่อเพื่อนบ้าน ทุกครั้งหลังการประชุมให้เราทบทวนว่่า เรามีสิ่งไม่ดีหลุดออกไปมากขึ้นหรือไม่ เรารักพี่น้อง ยอมยกโทษมากกว่าก่อนเข้ามาหรือไม่ อย่าให้อธิษฐาน เสร็จแล้วยังเกลียดขี้หน้าเหมือนเดิม
2.3 จำเริญขึ้นในความรู้ถึงพระเจ้า ทุกการอธิษฐานทำให้เราได้เรียนรู้พระเจ้ามากขึ้น รู้แผนการ รู้ยุทธวิธีมากขึ้น การอธิษฐานจึงไม่ใช่การขออย่างเดียว แต่ให้รู้จักพระองค์มากขึ้น
สาม ทำให้เรามีกำลังมากขึ้นทุกอย่าง ข้อ 11
โดยฤทธิ์เดชแห่งพระสิริของพระองค์ ทำงานในชีวิตของเราอย่างไร? เราจะรู้ได้อย่างไร? ไม่ใช่การพูดภาษาแปลกๆ ไม่ใช่การล้มลง แต่เป็นการที่เรา…
3.1 มีความทรหดที่สุด รับใช้พระเจ้าแบบทรหดที่สุด คือมีความอดทนนาน ซึ่งเป็นผลพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ยอมหยุดในการติดตามพระเจ้า ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร คนนั้นแหละรับใช้โดยฤทธิ์เดชของพระเจ้้า
3.2 มีความอดทนไว้นาน เราต้องอดทนต่อผู้อื่น และกดกลั้นต่อตัวเอง ไม่ให้ระเบิดออกมา ไม่ให้สิ่งเลวสำแดงออกมา ให้เราถามว่าเราอดทนต่อผู้อื่น และอดกลั้นกับตัวเองมากแล้วหรือยัง?
3.3 ด้วยความยินดี เรียนรู้ที่จะ อดทน อดกลั้น ด้วยความยินดี ไม่ใช่การบังคับ ยกโทษอภัยด้วยความยินดี ดีใจที่เราสามารถพูดคำว่าขอโทษ และอภัยผู้อื่นได้
สี่ ทำให้เรามีใจขอบพระคุณพระบิดา (ข้อ 12)เมื่อเราอธิษฐาน ทุกครั้งที่เราลุกขึ้น เราควรมีใจขอบพระคุณพระบิดา เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ทำให้เรา ทุกครั้งที่เราอธิษฐาน พระเจ้าเคลื่อนพระหัตถ์ของพระองค์ ทำบางอย่างเพื่อคุณแน่นอน ทุกอย่างที่เรามีเป็นเพราะพระเจ้า เราจึงขอบพระคุณเพราะพระเจ้า…
4.1 ผู้ทรงทำให้ = พระคุณของพระเจ้า
4.2 ทำให้เราเหมาะสมรับมรดกกับธรรมิกชน ทุกการอธิษฐาน ให้เรารู้ว่าพระเจ้ามีมรดกให้เราทั้งหลายจัดเตรียมให้ มีมงกุฏให้ ให้เรามีจิตใจบริสุทธิ์ สะอาดเพื่อรับใช้พี่น้อง
ดังนั้น การอธิษฐานจึงไม่ใช่แค่การขอ แต่เพื่อการเปลี่ยนแปลงเรา และเติบโตขึ้น เดินตามพระประสงค์มากขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงในตัวเราเกิดขึ้น คำอธิษฐานของเราจึงเป็นอาวุธ เพราะพระเจ้าเปลี่ยนแปลงและเรายอมให้พระเจ้าเปลี่ยนแปลงเรานั่นเอง
ขอพระเจ้าทรงอวยพรท่าน อาเมน
(ศศกร กลิ่นส่ง ผู้สรุปคำเทศนา)