ข้อพระคัมภีร์หลัก ฮีบรู 11:23-29

หลายๆ ครั้งพระเจ้านำเราให้เผชิญกับการที่เราเองจะต้องเดินไปในสิ่งที่ล้วนอัศจรรย์ โมเสสเองก็มีความกลัว และคิดว่าไม่สามารถเดินบนสิ่งที่พระเจ้าเรียกได้ แต่โดยความเชื่อก็ทำให้โมเสสชนะความกลัว ซึ่งในตอนที่ 1 เราได้เรียนรู้ความเชื่อแบบโมเสสไปแล้ว คือ

  1. ความเชื่อที่ชนะความกลัว (ฮีบรู 11:23) ความเชื่อจะทำให้เราชนะความกลัว ในพระคัมภีร์ยืนยันว่าความเชื่อที่เรามีจะชนะความกลัว
  2. ความเชื่อทำให้โมเสสกล้าเลือก (ฮีบรู 1:24-26) ถ้าเรามีความเชื่อที่มั่นคงเข้มแข็งเราจะกล้าเลือก
  3. ความเชื่อทำให้โมเสสสูญเสียความร่ำรวยและทรัพย์สมบัติ

วันนี้เราจะพิจารณาในด้านถัดไปของโมเสส  ชีวิตของโมเสสนั้นเป็นผู้นำการอัศจรรย์ จนคนที่ไม่เชื่อพระเจ้ายังต้องพูดถึงเรื่องนี้ คือนำชนชาติของพระเจ้าข้ามทะเลแดง นอกจากชีวิตของโมเสสจะชนะความกลัว กล้าเลือก และกล้าสูญเสียแล้ว ยังมีด้านต่างๆ เพิ่มเติมดังนี้

  1. ความเชื่อทำให้นิมิตของเราเด่นชัดขึ้น (ฮีบรู 11:27) โดยความเชื่อโมเสสจึงนำคนของพระเจ้าออกจากอียิปต์ (อพยพ 3:10) โดยไม่เกรงกลัวความกริ้วของกษัตริย์ฟาโรห์ ท่านสู้ทนประหนึ่งได้เห็นพระองค์ผู้ไม่ทรงปรากฎแก่ตา อิสราเอลเป็นทาสในอียิปต์เป็นเวลา 400 ปี (ปฐมกาล 15:13) และพวกเขาได้ร้องทุกข์ต่อพระเจ้า และ พระเจ้าได้เรียกโมเสสให้มานำชนชาติของพระองค์ออกจากอียิปต์ โมเสสถูกเลือกอย่างมีนิมิตที่ชัดเจน จุดประสงค์ที่พระเจ้าเรียกโมเสสคือนำชนชาติอิสราเอลออกจากอียิปต์ ซึ่งประเทศอียิปต์เป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ เป็นมหาอำนาจในเวลานั้น แล้วโมเสสเป็นใคร ไปยืนต่อหน้าฟาโรห์ และบอกให้ปล่อยทาสทั้งหมดไปนมัสการพระเจ้า ทาสที่ทำงานให้เขาตลอดเวลา ทาสที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ทาสที่ทำให้อียิปต์มีอิฐมากมายใน การก่อสร้าง ที่ทำให้เห็นความอลังการในปัจจุบัน เราพบว่าโมเสสกล้าเข้าเฝ้าฟาโรห์ (อพยพ 7-11) แต่ฟาโรห์ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับโมเสส และกดขี่ขมเห่งคนของพระเจ้าหนักเข้าไปอีก และสิ่งที่พระเจ้าทำให้เห็นก็คือ โมเสสได้นำภัยพิบัติมาถึงแก่อียิปต์ ทั้ง 10 อย่าง 1.น้ำกลายเป็นเลือด 2. ฝูงกบ 3.ฝูงริ้น 4.ฝูงเหลือบ 5.โรคระบาดในฝูงสัตว์ 6. ฝีพุพอง 7.ฟ้าร้องและลูกเห็บ 8.ฝูงตั๊กแตน 9. ความมืด ประการที่ 10. การประหารลูกหัวปีทั้งคนและสัตว์ ไม่ว่าจะเผชิญกับอำนาจของฟาโรห์ขนาดไหน เราพบว่าในที่สุดโมเสสก็นำคนอิสราเอลออกจากอียิปต์ ตลอดระยะเวลาจากการทรงเรียก โมเสสไม่เคยได้รับความร่วมมือใดๆ และอิสราเอลก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับโมเสสด้วยเช่นกัน หลายครั้งเมื่อเรามีนิมิต มีเป้าหมาย มีการทรงเรียกจากพระเจ้า เรามักมีทัศนคติไม่ถูกต้อง เรามักคิดว่าเมื่อพระเจ้าเรียกเรา พระองค์จะเตรียมคน เตรียมที่ เตรียมเงิน เตรียมทุกอย่างให้กับเรา  อ.Graham Cooke กล่าวว่า ถ้าเราไม่ให้คุณค่าอย่างสูงต่อการทรงเรียกที่เรามี เมื่อเวลาแห่งความยากลำบากมาถึงเราจะมองว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความยุ่งยาก มองปัญหาว่าเป็นสิ่งที่ยาก แทนที่จะเป็นโอกาสที่สามารถขับเคลื่อนเราไปข้างหน้าสู่ความสำเร็จ ตามคำเผยพระวจนะคำที่พระเจ้าทรงเรียกเรา เราจะสามารถขึ้นสู่จุดสูงสุดได้ก็ต่อเมื่อเราใช้จุดต่ำสุดอย่างมีประสิทธิภาพ  ความถ่อมใจที่เรารับจากหุบเขา จะกลายเป็นสิทธิอำนาจของเราบนภูเขา  เราไม่ชอบเวลาแห่งความยากลำบาก เราไม่ชอบเวลาที่เราถูกปฏิเสธ เราไม่ชอบที่เราต้องฝึกฝนเพื่อที่ภายในเราจะแข็งแกร่ง ถ้าเราไม่ชอบใดๆเลย และมองที่ความสำเร็จเท่านั้น พระเจ้าก็ไม่สามารถนำเราไปสู่ความสำเร็จในการทรงเรียกเราได้อย่างแท้จริง  คนของพระเจ้าต้องถูกฝึกจากความยากลำบากทั้งสิ้น ในความยากลำบากเราจะถูกเปลี่ยนข้างใน จงมองที่พระเจ้า ไม่ได้มองที่ปัญหาที่เผชิญอยู่
  2. ความเชื่อทำให้โมเสสรอดพ้นจากภัยพิบัติ (ฮีบรู 11:28) ในเวลานั้นอิสราเอลยังไม่รู้เรื่องการถวายเครื่องบูชา ยังไม่รูเรื่องการทรงไถ่ แน่นอนเขาเห็นภัยพิบัติที่เกิดกับอียิปต์ เขากำลังเรียนรู้ว่าพระเจ้าของบรรพบุรุษของเขากำลังมาช่วยเขา และเขาทั้งหมดต้องมีความไว้วางใจในสิ่งที่โมเสสสั่งเขา เขาต้องเอาเลือดทาวงกบประตู (อพยพ 12:6-7) (อพยพ 12:12-13) เพราะความเชื่อเมื่อพระเจ้าตรัสเขาเชื่อและเขาทำ โดยความเชื่อของโมเสสนั้นทำให้บุตรหัวปีของอิสราเอลรอดตาย เพราะเขาเชื่อในถ้อยคำของพระเจ้า นี่เป็นครั้งแรกที่พระเจ้าทรงสำแดงการไถ่ของพระเจ้าผ่านองค์พระเยซูคริสต์อย่างชัดเจน หลายคนมีคำถามว่าทำไมการไถ่ต้องเสียเลือด แน่นอนที่สุด เนื่องจากเราเองทำบาป และพระเจ้าบอกว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย และให้ความตายนั้นพระเยซูมาเป็นแกะปัสกา ตายเพื่อไถ่บุตรทั้งหมดของอิสราเอล และแกะปัสกาขององค์พระเยซูคริสต์ไถ่เราทุกคน เมื่อพระเยซูพูดถึงพิธีมหาสนิท พระเยซูพูดถึงเลือดและเนื้อ พูดถึงการตายของพระองค์ที่ให้กับเรา พระเยซูทรงไถ่เราไม่ว่าจะเป็นบาปในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต เพราะแม้เราจะเชื่อพระเจ้า แต่บางครั้งเราก็ยังกระทำบาปอยู่ เรายังอยู่ในบาป แต่พระเจ้าก็ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม เมื่อท่านทำบาป และสารภาพบาปของท่าน พระเจ้าจะยกโทษและพ้นจากการกระทำทั้งสิ้น (1 ยอห์น1:9) เมื่อเรากระทำบาป เผชิญกับบาป แล้วเรากลับใจใหม่ ไม่ไปทำอีก และสารภาพบาป เพราะบาปเป็นวิญญาณ เมื่อเรากระทำบาปมันจะจับเราไว้ และไม่สามารถหลุดพ้นจากมันได้ เดินในทางของพระเจ้าความเชื่อจะทำให้เราพ้นจากคำพิพากษา
  3. ความเชื่อทำให้โมเสสพ้นจากความยากลำบาก (ฮีบรู 11:29) เมื่ออิสราเอลเดินทางออกจากอียิปต์นั้น สิ่งที่อัศจรรย์ (อพยพ 11:2-3) (ปฐมกาล 15:14) วันที่พระเจ้าปลดปล่อยเขาออกจากอียิปต์นั้น เหมือนกับการปล้นชาติอียิปต์ เพราะว่าเขาได้รับเครื่องเงิน เครื่องทองทั้งหมดออกมา เรียกว่าจ่ายค่าจ้างย้อนหลัง 400 ปี ไม่เหลือค่าจ้างหลงเหลือในอียิปต์เลย อิสราเอลออกจากอียิปต์ด้วยทรัพย์สินเงินทองมากมายตามถ้อยคำของพระเจ้า เพราะพระเจ้าต้องการให้เรามีความเชื่อ และเมื่อเราเชื่อในพระเจ้า เราจะหลุดพ้นจากทุกอย่างที่เราเผชิญอยู่ แต่ไม่ใช่นั่งอยู่เฉยๆ ก็หลุดพ้น แต่เราต้องยอมอยู่ในกระบวนการของพระเจ้า ไม่ว่าเราจะมีปัญหาเศรษฐกิจ สุขภาพ ความสัมพันธ์ ไม่ว่าปัญหาอะไรก็แล้วแต่ ทุกอย่างมีคำตอบในพระเจ้าทั้งสิ้น (ลูกา 1:37) เพราะว่าไม่มีสิ่งหนึ่ง สิ่งใดที่พระเจ้าทรงทำไม่ได้ (มัทธิว 19:26) สิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับมนุษย์ แต่ทุกสิ่งเป็นไปได้สำหรับพระเจ้า (โยบ 42:2) ข้าพระองค์ทราบว่าพระองค์ทรงทำทุกสิ่งได้และพระประสงค์ของพระองค์จะสำเร็จ

พระเจ้าทรงอวยพระพรค่ะ