ข้อพระคัมภีร์หลัก ฮีบรู 11:23-29

เพราะความเชื่อโมเสสได้นำอิสราเอลเดินข้ามทะเลแดง … ซึ่งในปัจจุบันมีการพิสูจน์เรื่องนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ในความที่เราเป็นคริสเตียน เรารู้ว่าทุกสิ่งที่พระเจ้าบันทึกนั้นเป็นจริง ถึงแม้วิทยาการจะก้าวหน้า แต่อาจจะอธิบายไม่ได้ทั้งหมด แต่ที่แน่ๆ  พระเจ้าอัศจรรย์ และพระองค์ทรงนำคนอิสราเอลผ่านทะเลแดงแน่นอน เรามาเรียนรู้จากชีวิตโมเสส ที่พระคัมภีร์ในตอนนี้ได้บันทึกไว้ดังนี้

  1. ความเชื่อที่ชนะความกลัว (ฮีบรู 11:23) โดยความเชื่อโมเสสเกิดมา บิดามารดาได้ซ่อนท่านไว้ถึงสามเดือน เพราะเห็นว่าท่านเป็นเด็กน่ารัก และบิดามารดาของท่านไม่ได้กลัวคำสั่งของกษัตริย์ฟาโรห์เลย (อพพย 1:15-21) ในเวลานั้นคำสั่งของฟาโรห์ก็เหมือนกฎหมาย พระองค์ทรงสั่งให้หญิงผดุงครรภ์เป็นคนฆ่าเด็กชายที่เกิดจากหญิงชาวฮีบูร แต่ปรากฎว่าหญิงผดุงครรภ์นั้นยำเกรงพระเจ้า จึงไม่ฆ่า และเมื่อเขายำเกรงพระเจ้า พระองค์ก็ประทานสติปัญญาที่หญิงผดุงครรภ์นั้นมีข้ออ้างที่ดีตอบฟาโรห์ ในที่สุดฟาโรห์ก็ทำแย่กว่านั้นอีก คือให้ชาวอียิปต์เอาลูกของคนฮีบรูที่เป็นเด็กผู้ชายไปทิ้งแม่น้ำ สิ่งที่เราเห็นได้ในตอนนี้คือความเชื่อของพ่อแม่โมเสสชนะความกลัว โดยซ่อนโมเสสไว้ถึงสามเดือน และบิดามารดาของท่านไม่ได้กลัวคำสั่งของกษัตริย์เลย ซึ่งคนฮีบรูหรือคนยิวอยู่ในแผ่นดินอียิปต์โดยการเป็นทาส ไม่มีเสรีภาพ เป็นคนที่ถูกกดขี่ข่มเหง ไม่ได้เป็นชนชาติของเขา และเราพบว่าคนฮีบรูเต็มไปด้วยความกลัว และความกลัวก็ครอบนำคนทั้งหมดที่นั้น เราลองคิดดูถ้ามีความกลัวมากมายขนาดนี้ จะเกิดอะไรขึ้นฝ่ายจิตวิญญาณ เราไม่สามารถคาดได้ว่าความกลัวระดับนั้นทำร้ายหัวใจ และจิตใจมากน้อยขนาดไหน แต่พ่อแม่ของโมเสสไม่กลัว นี้คือสิ่งที่พระเจ้าได้ทำการอัศจรรย์

พจนานุกรมได้ให้ความหมายความกลัวไว้ว่า  รู้สึกว่าไม่อยากประสบสิ่งที่ไม่ดีกับตัว รู้สึกหวาดว่าจะประสบภัย และความกลัวก็คือ กลัวความยากจน กลัวเจ็บป่วย กลัวสูญเสียสิ่งที่รัก กลัวชรา กลัวตาย นี่แค่ความกลัวระดับบุคคลธรรมดา ที่ไม่ใช่ความกลัวในระดับชาติ ระดับกฎหมาย หรือระดับที่ทำให้ความกลัวครอบนำในชีวิต นี่คือสิ่งที่พ่อแม่ของโมเสสต้องเผชิญ ทำไมพ่อแม่ของโมเสสถึงชนะความกลัว และซ่อนโมเสสได้ถึงสามเดือน (สดุดี 34:4) พระองค์ทรงช่วยกู้ข้าพเจ้าจากความกลัวทั้งสิ้นของข้าพเจ้า พระคัมภีร์ตอนนี้พูดไว้ชัดเจนว่า ถ้าเรามีพระเจ้า แสวงหาพระเจ้า พระเจ้าจะทรงตอบและกู้เราจากความกลัวทั้งสิ้น ซึ่งความกลัวที่พ่อแม่ของโมเสสเผชิญเป็นความกลัวระดับชาติ กดดันระดับลึก พระคัมภีร์ได้บอกไว้ว่ามีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่จะทำให้ความกลัวนี้ออกไปได้  แน่นอนที่สุดพ่อแม่ของโมเสสต้องมีความสนิทสนมกับพระเจ้า และเชื่อในพระเจ้า และความไว้วางในในพระเจ้าทำให้เขากล้าที่จะซ่อนและเมื่อโมเสสอยู่ได้สามเดือนก็เอาไปลอยน้ำ อะไรทำให้เขาชนะความกลัวได้ขนาดนี้ วัฒนธรรมของชาวยิว ในเวลานั้นไม่ได้มีพระคัมภีร์เหมือนในเวลานี้ แต่วิธีที่เขาเลี้ยงดูลูกของเขาคือ เขาเล่าเรื่องราวของพระเจ้า หรืออธิษฐานกับพระเจ้า มีชีวิตร่วมกันกับลูกของเขา ซึ่งเราจะพบเรื่องราวต่างๆ ที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ โมเสสอยู่ในดินแดนอียิปต์ซึ่งในเวลานั้นเป็นทาส แต่พ่อแม่ของเขาปลูกฝังเข้าไปในชีวิตของเขาว่าเขาจะเป็นชนชาติใหญ่ เพราะฉะนั้นเขาไม่กลัวกฎหมายที่มีอยู่ แต่เชื่อในถ้อยคำของพระเจ้า พระเจ้าทรงนำพ่ออย่างไร จะนำเจ้าอย่างนั้น เจ้าจะเป็นหัวไม่เป็นหาง จะสูงขึ้นทางเดียวไม่ต่ำลง โมเสสกล้าฝ่าฝืนคำสั่งที่ไม่ใช่ถ้อยคำของพระเจ้า เพราะพ่อแม่ของโมเสสส่งต่อความเชื่อให้กับโมเสส ความเชื่อวางในในพระเจ้าคือวิธีรักษาจิตวิญญาณที่ขลาดกลัว

  1. ความเชื่อทำให้โมเสสกล้าเลือก (ฮีบรู 1:24-26) พ่อแม่ของเขาไม่ได้ส่งต่อความกลัว แต่ชนะความกลัว  โดยความเชื่อ โมเสสมีความเชื่อ โมเสสเลือกการร่วมทุกข์กับประชากรของพระเจ้า แทนการเริงสำราญชั่วคราวในความบาป การอับอายขายหน้าเพื่อพระคริสต์ ล้ำค่ากว่าสมบัติทั้งหลาย โมเสสรู้ดีว่าถ้าเขาเลือกที่จะเดินกับพระเจ้าเขาจะต้องสูญเสียอะไรบ้าง

1) โมเสสต้องสูญเสียชื่อเสียง เพราะถ้าเขาเป็นลูกของธิดาฟาโรห์เขาจะเป็นเจ้าชาย อยู่ในวัง มีทุกสิ่งทุกอย่าง ได้รับการนับถือ แต่เมื่อวันที่โมเสสเลือก โมเสสเลือกที่จะละทิ้งสิ่งนี้ โมเสสรู้ว่าอียิปต์ไม่ใช่ประเทศของเขา เขาไม่ใช่พลเมืองอียิปต์ เขาเป็นลูกของพระเจ้า เขาต้องรู้ว่าเขาควรเลือกอะไร เหล่านี้ถูกปลูกฝังไว้ในชีวิตของเขา ซึ่งในสังคมปัจจุบันได้ปลูกฝังให้มีการแข่งขันกัน การอยากได้อยากมี โดยที่พ่อแม่ไม่ต้องปลูกฝัง แต่สังคมเป็นผู้ปลูกฝัง (อพพย 2:10) ดังนั้นโมเสสถูกปลูกฝังมาอย่างดีจากพ่อแม่ของเขา

2) โมเสสต้องสูญเสียความสะดวกสบาย ถ้าเขาอยู่ในอียิปต์ในฐานะเจ้าชาย เขาจะได้อยู่ในวัง มีชีวิตที่สะดวกสบาย แต่ความยากลำบากเป็นเรื่องที่พระเจ้าได้วางแผนไว้ ในพระคัมภีร์ไม่มีใครที่สะดวกสบายเลย ความสะดวกสบายเป็นกับดักของคริสเตียนมากมาย และถ้าท่านรักความสะดวกสบายเป็นที่ตั้งยากที่ท่านจะไปถึงจุดสูงสุดที่พระเจ้าเรียกเราในชีวิตของพระเจ้า

มีข้อมูลว่าเมื่อ 100 ปีที่ผ่านมา มีคนชื่อมาร์ค ทเวน ได้ไปเยือนดินแดนนั้น (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของประเทศอิสราเอล)  และได้บันทึกให้คนทั้งโลกรู้ว่าไม่มีอะไรในดินแดนนั้นเลย นอกจากความแห้งแล้ง ไม่มีอะไรงอก โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าได้ทำให้พระวจนะของพระเจ้าที่โมเสสพูดไว้สำเร็จ คนต่างชาติจะเป็นพยานถึงความแห้งแล้งของแผ่นดิน  และข่าวล่าสุด UN ได้ออกมาประกาศว่าในประเทศอิสราเอล ซึ่งมีพื้นที่นิดเดียว อิสราเอลได้ผลิตผลไม้และพืชพรรณต่างๆ มากที่สุดในโลก ซึ่งเขาเป็นประเทศที่ไม่มีน้ำจะกิน แต่สามารถนำน้ำทะเลมาทำเป็นน้ำจืดใช้ได้ ซึ่งปัจจุบันเขาเป็นประเทศต้นแบบของคนทั่วโลกในการผลิตน้ำทะเลเป็นน้ำจืด ความยากลำบากที่เกิดขึ้นกับเราเป็นโอกาสสำหรับเราที่จะเราจะเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

(ลูกา 1:37) เพราะว่าไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งพระเจ้าทรงกระทำไม่ได้

3. โมเสสต้องสูญเสียความร่ำรวยและทรัพย์สมบัติ (ฮีบรู 11:26) โมเสสไม่อับอายแม้เขาต้องสูญเสียสมบัติล่ำค่าเหล่านั้น แต่ท่านอยากได้พระคริสต์ (อิสยาห์ 46:9-10) พระเจ้าพูดทุกสิ่งทุกอย่างล่วงหน้า โมเสสรู้เรื่องราวเหล่านี้ จึงกล้าทิ้งทุกสิ่ง เพราะรู้ว่าตอนจบของชีวิตเป็นอย่างไร ไม่มีอะไรแน่นอน แต่ที่แน่นอนคือ  พระเจ้า และพระสัญญาของพระองค์

พระเจ้าทรงอวยพระพรค่ะ