ข้อพระคัมภีร์หลัก พระธรรม นางรูธ 1:1-18 และ 4:14-17
ปัจจุบันวิวัฒนาการของโลกเปลี่ยนไป ความทันสมัยของโลกเปลี่ยนแปลงมากมายและรวดเร็ว จนเดี๋ยวนี้ลูกอยู่ที่บ้านก็ใช่ว่าจะปลอดภัย โดยเฉพาะลูกที่ชอบเก็บตัวในห้องคนเดียว เพราะสังคมในโลกอินเตอร์เน็ตมีการล่อลวงอย่างมาก ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก แต่สิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ พระคำของพระเจ้า หลายครั้งเราบอกให้ลูกเป็นลูกที่ดี มีความกตัญญู แต่ตัวเราเองนั้นเป็นแบบอย่างที่ดีหรือไม่? คนที่อยู่รอบข้างเราสามารถพูดถึงเรา ว่าเราเป็นแบบอย่างที่ดีได้หรือไม่?
แม่ที่ดีจะต้องมีพระคำของพระเจ้า เพื่อจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ลูก วันนี้เราจะมาเรียนรู้จากพระธรรมนางรูธ ที่พูดถึงแบบอย่างที่ดีของการเป็นแม่ของนางนาโอมี ดีจนมีอิทธิพลต่อลูกสะใภ้ จนถึงขนาดที่ลูกสะใภ้ขอติดตามไปทุกที่ตลอดชีวิต
นางรูธ 1:1-18 เป็นเรื่องราวของหญิงชาวฮีบรูชื่อ นางนาโอมี ได้อพยพไปอยู่ในแผ่นดินโมอับ เพราะการกันดารอาหารที่เกิดขึ้น นางอยู่ที่นั่นกับครอบครัว คือ สามี และลูกชายสองคน ภายหลังมีสะใภ้สองคน ครอบครัวนี้ต้องขาดผู้นำที่เป็นชาย คือ ทั้งสามีของนาโอมี และลูกชายทั้งสองก็เสียชีวิต ภายหลังนางนาโอมีได้ข่าวว่าพระเจ้าได้ทรงเยี่ยมเยียนอิสราเอล(คือ การอวยพรของพระเจ้าแก่อิสราเอล) นางนาโอมีจึงตัดสินใจเดินทางกลับ โดยมีลูกสะใภ้หนึ่งคนขอตื้อที่จะขอตามไปด้วย
“แม่ไปไหนฉันจะไปด้วย ญาติของแม่ก็เป็นญาติของฉันด้วย และ พระเจ้าของแม่ก็จะเป็นพระเจ้าของฉันด้วย ” (นรธ.1:15-17)
จากพระคำตอนนี้ ทำให้เราได้ข้อคิดว่าเหตุใดนางนาโอมีจึงมีอิทธิพลต่อชีวิตของรูธมากขนาดนี้ แม้นางนาโอมีไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรเลย มีแต่ตัวเท่านั้น
เราลองถามตัวเองว่า ชีวิตของเรามีนำ้หนักและมีอิทธิพลที่จะเป็นแบบอย่างต่อลูกไหม? มีความผูกพันเหมือนแม่สามีและลูกสะใภ้เช่นนี้หรือไม่ ? นี่แสดงว่านางนาโอมีมีชีวิตที่ไว้วางใจได้และเป็นแบบอย่าง นางนาโอมีมีชีวิตที่เป็นแบบอย่างไรที่มีอิทธิพลต่อรูธ และทำให้รูธเชื่อและไว้วางใจ และยอมปรนนิบัติได้ถึงเพียงนี้?
ประการแรก นางนาโอมีมีชีวิตที่สัตย์ซื่อในการดำเนินกับพระเจ้า แม้จะอยู่ในต่างแดนเป็นสิบปี ขณะที่คนฮีบรูอื่นๆมากมายหันไปบูชาพระอื่น และหลงลืมพระเจ้าไป ชีวิตของเรามีบทบาทต่อผู้คนรอบข้างไหม? นางนาโอมีได้แสดงชีวิตที่รักและสัตย์ซื่อต่อพระเจ้า จนรูธเห็นและตัดสินใจติดตามนาโอมี
ในสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว นั้นไม่มีอะไรแน่นอนแต่… สิ่งเดียวที่แน่นอนและวางใจได้คือ พระเจ้า หลายครั้งเมื่อเราต้องเผชิญปัญหา เรามีท่าทีอย่างไร? เรามักจะพูดแต่ปัญหาเสมอหรือไม่? คนอื่นที่อยู่รอบข้างเราเห็นพระเจ้าของเราเมื่อเรามีปัญหาหรือไม่? เรามองที่พระเจ้าและให้เกียรติพระองค์ก่อนหรือไม่? เราตอบสนองอย่างไร? เราสอนลูกเราอย่างไร เราพูดกับลูกของเราอย่างไร เมื่อต้องเผชิญปัญหา? เวลาที่เรามีปัญหา เราตอบสนองด้วยความชื่นชมยินดี มีสันติสุข มีความยินดีหรือไม่? พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่เหนือปัญหา เหนือสถานการณ์ของเราทุกครั้งหรือไม่? ทุกครั้งเมื่อเราวางใจในพระเจ้า แม้ว่าบางครั้งเรามองว่าไม่มีทางออก แต่พระองค์ทรงประทานการจัดเตรียมให้เราเสมอ ถ้าเราวางใจในพระองค์ เช่น ตอนที่ีจะเลือกสถานที่สำหรับจัดงานแสดงดนตรี “Holy City Concert” ที่กำหนดไว้ว่าจะเป็นโรงละครแห่งชาติ แต่เนื่องจากไม่มีคิวว่างตรงกับวันที่จัด จึงมองหาที่อื่น แต่ก็พบว่าที่อื่นก็ไม่พร้อมสำหรับจัดงาน ดังนั้นจึงวางใจในพระเจ้าสำหรับการจัดเตรียม ว่าต้องเป็นโรงละครแห่งชาติแน่นอน สุดท้ายก็เป็นโรงละครแห่งชาติจริงๆ จะเห็นว่าพระเจ้าทรงยิ่งใหญ่จริงๆ แม้ในสถานการณ์ที่ดูเป็นไปไม่ได้ พระเจ้าทรงช่วยเราได้เสมอ ถ้าเราเรียนรู้ที่จะวางใจและแก้ไขด้วยวิธีของพระเจ้า
ประการที่สอง ความรักของนางนาโอมีที่แสดงออก ทำให้รูธถึงขนาดออกปากว่า ญาติของแม่ก็จะเป็นญาติของฉันด้วย ลองถามตัวเราว่าเราแสดงออกกับคนรอบข้างอย่างไร? เขาสามารถบอกเราว่า เขาสามารถยอมรับเราได้จนถึงแม้แต่ญาติของเรา และอยากนับญาติด้วยหรือไม่? เขายังมีทัศนคติที่ดีต่อญาติของเราหรือไม่? หรือ เขาจะบอกเราว่าแค่นี้ก็พอแล้ว แค่เราคนเดียวก็พอแล้ว ไม่ต้องให้เอาญาติมารู้จักอีก พอแล้ว! เราควรดำเนินชีวิตของแม่ที่เป็นแบบอย่าง ที่คนใกล้ชิดสามารถมองและมีทัศนคติที่ดีต่อญาติของเราได้
ในระหว่างทางที่เราเดินกับพระเจ้า ที่จะพบกับพระเจ้าในชีวิตของเรา เราตอบสนองอย่างไร? พระเจ้าทรงแสนดี และสัตย์ซื่อเสมอ อย่ามองดูที่วันนี้ แต่ให้มองที่พระเจ้าเสมอ เวลาที่เรามีปัญหา ขอให้ตัดสินใจที่จะดำเนินชีวิตที่เป็นแบบอย่าง เป็นแม่ที่เป็นแบบอย่างแก่ลูก แก่คนรอบข้างเหมือนนางนาโอมี ที่เชื่อวางใจในพระเจ้า แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เป็นแบบอย่างทั้งคำพูด การกระทำ และความเชื่อ ดำเนินชีวิตในสันติสุขแท้ คำตอบแท้จริง ให้เราเป็นแม่ที่สัตย์ซื่อที่ลูกของเรา สามารถพูดถึงเราได้อย่างที่นางรูธพูดถึงนางนาโอมี
ขอพระเจ้าทรงอวยพรท่าน อาเมน
(ศศกร กลิ่นส่ง ผู้สรุปคำเทศนา)