จากหัวข้อเดิมในตอนที่ 1
ชีวิตที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า มี 3 ลักษณะ :
- ดูถูกสิ่งที่พระเจ้าประทานให้ เช่น ชีวิตนิรันดร์ หนทาง ประสบการณ์ อ่านตอนที่ 1 ได้ที่นี่
- ปฏิเสธพระเยซูคริสต์
- การสูญเสียพระพร
2. ปฏิเสธพระเยซู
จาก ฮีบรู 6:6-8 กล่าวถึงผู้เชื่อที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า จนถึงปฏิเสธพระเยซูคริสต์ในที่สุด ซึ่งในยุคนี้มีความเปลี่ยนแปลงรอบด้านบนโลก อันนำมาซึ่งความเสื่อมสภาพ ความเน่าเปื่อยของสังคมที่แย่ลงทุกวัน และจะมีผลกระทบต่อชีวิตคริสเตียนของเราแน่นอน ถ้าเราไม่เข้มแข็งในพระเจ้า และเรียนรู้ความจริงของพระเจ้าที่พระองค์ทรงทำอะไรให้เราไปบ้างแล้ว รวมถึงให้พระองค์ทรงเข้ามาครอบครองในจิตใจของเราอย่างแท้จริงละก็ เราก็อาจจะปฎิเสธพระองค์แน่นอน
ข้อ 6 “ถ้าเขาเหล่านั้นได้ชิมแล้วหลงไป ก็เหลือวิสัยที่จะนำเขามาสู่การกลับใจอีกได้ เพราะเขาได้ตรึงพระบุตรของพระเจ้าเสียแล้ว และทำให้พระองค์ทรงรับการดูหมิ่นเยาะเย้ย”
ดังนั้นความจริงที่เราต้องตระหนักถึงให้มั่นคือ พระเยซูคริสต์ได้แบกปัญหาภาระหนักของชีวิตทุก ๆ ด้านของเราไปไว้ที่พระองค์บนไม้กางเขนเรียบร้อยแล้ว
สย.53:4-12 “…ท่านถูกบาดเจ็บเพราะความทรยศของเราทั้งหลาย ท่านฟกช้ำเพราะความบาปผิดของเรา การตีสอนอันทำให้เราทั้งหลายสมบูรณ์นั้นตกแก่ท่าน…
ดังที่มีผู้ได้รับการสำแดง และแต่งเพลง เพราะเรารักพวกเจ้ามากมาย เจ้ารู้ไหม
- เมื่อเราเริ่มก้าวแรก ไปบนเนินสูงโกละโกธา ไปพร้อมกับน้ำหนักของ ไม้กางเขนโบราณ เราโซเซ เราเงยหน้ามองดูจุดมุ่งหมาย เบื้องหน้ามันไม่ใช่ที่ยอดเขานี้ *แต่เป็นพวกเจ้านี้แหละ ที่เป็นจุดหมายเบื้องหน้าเรา ผู้เป็นที่รักยิ่งของเราที่เราไม่เปลี่ยน เรารู้ว่าสิ่งที่เราทำอยู่ จะปลดปล่อยพวกเจ้าให้เป็นอิสระ เพราะเรารักพวกเจ้า มากมาย เจ้ารู้ไหม
- ประชาชนตะโกนว่า พระองค์แบกไม่ไหวต่อไปแล้ว แต่พระองค์ยังคงแบกไม้กางเขน เพื่อเรา ทรงแบกพ่อแม่ ที่เลี้ยงดูลูกจนแทบจะยืนไม่ไหว และแบกหญิงม่ายผู้สูญเสีย **ทรงแบกวัยรุ่นที่กำลังล้ม และแบกคนติดยาเสพติด ทรงแบกผู้เป็นหนี้ และผู้ที่มีภาระหนัก เรารู้ว่า สิ่งที่เราทำอยู่ จะปลดปล่อยพวกเจ้าให้เป็นอิสระ เพราะเรารักพวกเจ้า มากมาย เจ้ารู้ไหม
- พระเจ้าทรงเมตตา ผู้หญิงที่ถูกเฆี่ยนตีขังในซ่อง ทรงยกนางที่ต่ำต้อยขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ทรงแบกชายหญิงที่ถูกกักขัง และ บังคับให้ขายตัวทนทุกข์ลำบากทรมาน ***ทรงแบกลูกกำพร้าพ่อและแม่ คนชราที่ถูกทอดทิ้ง ทรงแบกโรคมะเร็ง และคนที่เป็นโรคเอดส์ เรารู้ว่าสิ่งที่เราทำอยู่ จะปลดปล่อยพวกเจ้าให้เป็นอิสระ เพราะเรารักพวกเจ้า มากมายเจ้ารู้ไหมพระเยซูคริสต์ได้ทำส่วนที่ยากที่สุดของเราไปไว้กับพระองค์ที่กางเขนแล้ว หน้าที่ที่เราต้องทำคือแบกกางเขนร่วมกับพระองค์คือ ยอมจำนน เรียนรู้ เข้าใจและเชื่อฟัง ติดตาม พระองค์ และอยู่รวมเป็นหนึ่งกับพี่น้องในคริสตจักรของพระองค์
3. เราเป็นผู้ทำให้พระพรของพระเจ้าสูญไป
(ฮบ 6.7-8 “8..แต่ถ้าพื้นดินนั้นมีต้นหนามใหญ่และหนามย่อยเกิดขึ้น ก็ไร้ค่าจนเกือบจะถูกแช่งสาป แล้วในที่สุดก็จะถูกเผาไฟ” )
พระเจ้าทรงสัญญาที่จะมอบพระพรให้กับเรา และเป็นพระประสงค์ที่จะให้เรา แต่การสินใจอยู่ที่เรา ว่าเราเลือกที่จะรับพระพรจากพระเจ้า หรือกลายเป็นคำแช่งสาปจากการไม่เชื่อฟังพระองค์
- 3.1 พระเจ้าทรงเตรียมพระพรมากมาย
(ฉธบ.28:11-12 “11พระเจ้าจะทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายอุดมสมบูรณ์… 12พระเจ้าจะเปิดคลังฟ้าอันดีของพระองค์ประทานฝน แก่ท่านตามฤดูกาล และทรงอำนวยพระพรแก่กิจการน้ำมือของท่าน และท่านจะให้ประชาชาติหลายประชาชาติขอยืม แต่ท่านจะไม่ขอยืมเขา..”) และยังมีพระวจนะที่กล่าวถึงพระพรที่พระองค์มอบให้เราอีกมากมายเช่น (สดด.65:9-13, โยเอล2:21-26, ลวน.25: 21-22, สดด.65:10, สดด.126:6, อสย.44:3, อสค.34:26, ฮชย. 10:12, มลค. 3:10) - 3.2 คำแช่งสาป
(ฮบ.12:17 “…ต่อมาภายหลังเมื่อเอซาวอยากได้รับพรนั้นเป็นมรดก เขาก็ได้รับคำปฏิเสธ เพราะเขาไม่มีหนทางแก้ไขเลย ถึงแม้ว่าได้กลับใจแสวงหาจนน้ำตาไหล”) เอซาวได้ขายสิทธิบุตรหัวปี ซึ่งหมายถึงเขาปฎิเสธมรดกทั้งหมดไปแล้ว จะเอาคืนก็ไม่ได้ ยังมีพระวจนะที่กล่าวถึงคำแช่งสาปอีกใน (ปฐก.3:17-18 มนุษย์ถูกสาปแช่งเพราะความไม่เชื่อฟังจึงหากินลำบาก),(ปฐก.4:11 คาอินฆ่าอาเบลทำให้โลหิตไหลลงสู่แผ่นดิน) และปฐก.5:29 ดังนั้นจงจดจำว่าการไม่เชื่อฟังนำมาซึ่งคำแช่งสาปเข้ามาสู่ชีวิตของเราและลูกหลาน จนถึงแผ่นดินก็ถูกสาปแช่งด้วยเช่นกัน การทำมาหากินก็ลำบาก ปลูกอะไรก็ไม่ขี้น ตรงกันข้าม ถ้ามีการเชื่อฟัง อธิษฐานวิงวอนกลับใจใหม่ ติดตามพระเจ้า พระพรก็ไหลผ่านไปกลับสู่แผ่นดิน ประชากรที่นั่นก็จะได้รับการฟื้นฟูเยียวยา ถูกชำระ รับพระพรใหม่ด้วยเช่นกัน จะปลูกอะไรก็ขึ้น งาม ผลโต เกิดตามฤดูกาล การค้าขายก็ดี - 3.3 ชีวิตที่ไม่วางใจ
(ฮบ.10:35-39 “…ขออย่าได้ละทิ้งความไว้วางใจของท่านซึ่งจะได้รับบำเหน็จอันยิ่งใหญ่ ท่านจำเป็นต้องมีความอดทน เพื่อว่าท่านจะได้สามารถกระทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าได้ และท่านจะได้รับสิ่งที่พระองค์ทรงสัญญาไว้…”) เราควรตัดสินใจและพึ่งวิธีของพระเจ้าในการดำเนินชีวิตเท่านั้น อย่าทำตามทางที่เราคิดไปเอง ต้องไว้วางใจพระเจ้า (ฮบ. 12:3-4 จงอดทนและต่อสู้กับบาป) (2คร.13:5 จงใช้ความเชื่อในวิธีของพระเจ้าในการแก้ปัญหา)
ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นตัววัดความเชื่อของเรา และเราต้องถูกพิสูจน์ความเชื่ออยู่เสมอ ดังนั้นขอให้เราเป็นคริสเตียนที่มีชีวิตที่เชื่อฟังและไว้วางใจในพระเจ้าเพื่อที่จะผ่านการพิสูจน์ทุกครั้ง จงเข้มแข็ง อดทน ฝ่าฟันด้วยความเชื่อและไว้วางใจ เพื่อนำไปสู่ชัยชนะ และรับพระพรร่วมกัน
พระเจ้าอวยพรค่ะ
ดำรงค์โภคิน
( ผู้สรุปคำเทศนา )