ข้อพระคัมภีร์หลัก​     ยอห์น 4:10-14

ได้มีโอกาสดูภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง  ที่แม่พยายามบอกเล่าเรื่องราว “ข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสต์”ให้ลูกสาวฟัง แต่ลูกสาวกลับมองว่า  เรื่องพระเยซูเป็นเรื่องของศาสนา จึงไม่สนใจจะฟัง วันหนึ่งขณะลูกสาวกำลังนั่งเครื่องบินเพื่อไปพักผ่อนต่างประเทศ เธอได้พบคริสเตียนคนหนึ่งที่พยายามเล่าเรื่องของพระเยซูให้เธอฟัง เธอก็เริ่มหงุดหงิด และหลังจากที่เธอได้ลุกหนีไปห้องน้ำแล้วกลับมานั่งที่ ชายคนนั้นก็ได้กล่าว”ขอโทษ”ด้วยความสุภาพที่ทำให้เธอหงหงุดหงิด สักพักหนึ่งก็มีชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่ง ท่าทางสุภาพได้มานั่งตรงที่ว่างข้างๆเธอ สักพักก็มีเด็กเล็กๆเดินมาหาชายคนที่สอง แล้วนำภาพวาดที่เด็กน้อยนั้นวาดมาให้เขาดู เขาสนทนากับเด็กด้วยความสุภาพและอ่อนโยน ผู้หญิงคนนั้นก็เริ่มสนใจในความสุภาพของเขา   จึงเริ่มสนทนาด้วย สักพักก็ได้ยินชายคนที่สองนี้พูดตอบโต้กับผู้โดยสารคนอื่นเป็นภาษาต่างๆ หลายภาษา รวมทั้ง ภาษาเยอรมัน อังกฤษ หญิงนั้นก็ทึ่งในความสามารถนี้ เธอจึงถามชายคนนี้ว่าทำไมพูดได้หลายภาษา? ชายคนนี้ตอบว่าเขาสามารถพูดได้ทุกภาษา ยิ่งทำให้หญิงคนนี้ทึ่งมากขึ้น ก่อนจะลงจากเครื่องบิน ชายคนนี้ได้ยื่นมือให้ผู้หญิงคนนั้นดู รอยแผลที่ข้อมือ และเธอพยายามมองหาเขาอีกแต่ก็ไม่เจอ จนเมื่อเธอไปถึงโรงแรมที่พักก็พบกล่องของขวัญเล็กอยู่บนเตียง เขียนข้อความว่า

“แกะของเราย่อมรู้จักเสียงของเรา”

เธอจึงรู้ได้ทันทีว่าชายคนนั้นคือ พระเยซูคริสต์ ทำให้เธอรู้ว่า พระเยซูไม่ได้เป็นศาสนาเหมือนอย่างที่เธอคิด พระเยซูเป็นมากกว่าที่เราคิด พระเยซูช่วยให้เรารู้จักความจริงแห่งชีวิตที่จะทำให้เรามีสันติสุข พระเยซูทรงเป็นนำ้แห่งชีวิต พระองค์ทรงเป็นหลายสิ่งในชีวิตของเรา  และได้กระทำหลายอย่างให้ชีวิตของเรา

แต่ทำไมพระสัญญาจึงไม่เกิดในชีวิตของเรา? สดด.103 บอกว่าพระองค์รักษาทุกโรค แต่ทำไมคริสเตียนเป็นทุกโรค? พระสัญญาของพระเจ้าไม่เป็นจริงแล้วหรือ? ทำไมการรักษาไม่เกิดขึ้นกับเรา? ความจริงก็คือ พระเจ้ายังทรงเป็นจริงในปัจจุบัน แต่ที่ผิดปกติไปคือตัวเราต่างหาก  ใน

2คร.5:17  “ฉะนั้นถ้าใครอยู่ในพระคริสต์ เขาก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆ ก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น”

ยน.4:10 และ ใน ยน.4:13-14  ถ้าเรารู้จักผู้ที่พูดกับหญิงนั้น คือ รู้จักพระเยซูว่าพระองค์เป็นใคร?  เราจะพบคำตอบ

ใน รม.1:16 “…เพราะว่าข่าวประเสริฐนั้นเป็นฤทธานุภาพของพระเจ้า เพื่อให้ทุกคนที่เชื่อได้รับความรอด…”

ถ้าพระเยซูเป็นเหมือนที่พระองค์เป็นในชีวิตของเราแล้ว ข่าวประเสริฐก็จะไม่เป็นข่าวประเสริฐที่เราฟังทั่วไป แต่จะเต็มไปด้วยฤทธิ์เดชของพระเจ้า

มก.16:15-18   เจ้าทั้งหลายจงออกไปประกาศข่าวประเสริฐ เมื่อเราประกาศข่าวประเสริฐ ต้องให้ฤทธิ์เดชทำงาน เวลาที่เราประกาศข่าวประเสริฐที่ไหน หมายสำคัญจะติดตามเราไป คือ “พวกเขาจะขับผีออกในนามของเรา”

หลายครั้งเราขับผีไม่ออก เพราะเรายังเก็บมันไว้ในตัวของเรา ก่อนที่เราจะขับผีให้คนอื่น เราต้องขับผีที่อยู่ในตัวเราออกเสียก่อน จึงจะเกิดผล เช่น ผีหนังโป๊ ผีราคะต่างๆ เป็นต้น เราต้อง เอาชนะมันให้ได้ เราจึงจะมีชัยชนะเหนือทุกวิญญาณ “พวกเขาจะพูดภาษาแปลก” คือภาษาในพระวิญญาณที่เต็มด้วยฤทธิ์เดช “พวกเขาจะจับงูได้ด้วยมือเปล่า” หมายถึง เราสามารถควบคุมหรือบังคับอันตรายได้ ในคริสเตียนไม่มีอุบัติเหตุ เพราะเราสามารถควบคุมมันได้ แต่ถ้ามีอุบัติเหตุก็แสดงว่า เป็นนำ้พระทัยของพระเจ้า และจะเกิดผลดีตามมาเสมอ

( เพราะ รม.8:28 เพราะพระเจ้าจะช่วยคนที่รักพระองค์ ให้เกิดผลดีในทุกสิ่ง )

แต่เพราะบางครั้งเราเองตอบสนองอย่างไม่ถูกต้อง เราบ่น เราด่า ต่อว่าพระเจ้า ตอบสนองไม่ถูกต้องตามพระวจนะ จึงทำให้ไม่เกิดผลดีตามมา ในประโยคต่อมา “ถ้าพวกเขากินยาพิษใดๆ มันจะไม่ทำอันตรายแก่พวกเขา” ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าเราสามารถกินได้สารพัด  แม้รู้ว่ามีสารพิษ หรือยาพิษ แต่ใช้ในกรณีที่มีคนปองร้ายเราโดยที่เราไม่รู้ตัว เราก็จะไม่เป็นอะไรเลย เช่น ในบางความเชื่อ เมื่อพ่อแม่รู้ว่าลูกมาเชื่อพระเยซู เขาได้วางแผนฆ่าลูกของเขาเองโดยใส่ยาพิษไว้ในอาหาร แต่ลูกไม่เป็นอะไรเพราะพระเจ้าทรงปกป้องเขาไว้ เพราะเขามีความเชื่อในพระเยซู   และสุดท้าย “และพวกเขาจะวางมือบนคนเจ็บคนป่วย แล้วคนเหล่านั้นจะหายโรค”   แต่ที่สำคัญเราต้องให้ฤทธิ์เดชแห่งข่าวประเสริฐเกิดผลในตัวเราก่อน โดยการติดสนิทกับพระเจ้า  อ่านถ้อยคำของพระเจ้า และเราต้องขับผีออกจากตัวเราก่อน ให้ข่าวประเสริฐเป็นฤทธิ์เดชในตัวเราก่อน ให้ตัวเราเองเป็นพยานในข่าวประเสริฐก่อน แล้วพระเจ้าจะให้ข่าวประเสริฐเป็นฤทธิ์เดชผ่านเรา

กุญแจสำคัญอยู่ใน มก.16:17 คือ ความเชื่อ (ฮบ.11:1) ที่อยู่ในตัวผู้เชื่อนั่นเอง เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนฤทธิ์เดชของพระเจ้า

หลายครั้งเราเก็บสิ่งไม่ดีไว้ในชีวิตเรา ทำให้ข่าวประเสริฐไม่เป็นฤทธิ์เดช  เราควรให้ข่าวประเสริฐเป็นฤทธิ์เดชที่เกิดขึ้นจริงในตัวเรา ดังนั้นเราจงอย่ามอบอวัยวะของเราแก่บาป ดำเนินชีวิตในความบริสุทธิ์ตามพระคำของพระเจ้า เพื่อเราจะเห็นฤทธิ์เดชของข่าวประเสริฐผ่านเรา

ขอพระเจ้าทรงอวยพรท่าน อาเมน

(ศศกร กลิ่นส่ง ผู้สรุปคำเทศนา)