พระเยซูคริสต์ได้นำสาวกโดยมี เปโตร ยอห์น และยากอบ เข้าไปมีประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่บนภูเขาสูงร่วมกับพระองค์ และได้ทรงเปิดเผยสำแดง แผ่นดินสวรรค์ ร่างกายแบบสวรรค์ ปรากฎให้สาวกทั้ง 3 ได้เห็น ในมก.9:1-10 พระคัมภีร์ตอนนี้ได้บอกให้เราเรียนรู้ถึงความจริง 3 ประการของประสบการณ์บนภูเขาสูงกับพระเจ้า คือ
- พระประสงค์ของประสบการณ์บนภูเขาสูง (1-2ก) พระเยซูทรงเลือกสาวกแค่ 3 คนที่กล่าวมาเพื่อรับประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้แบบเฉพาะเจาะจง เพราะ….
*เปโตร – เป็นโฆษกของกลุ่มอัครสาวก นักพูด และเป็นผู้พลีชีพโดยการถูกตรึงตายบนไม้กางเขนแบบกลับหัว เพื่อไม่ให้เหมืนกับพระเยซูคริสต์เจ้าด้วยความถ่อมใจ
*ยอห์น – เป็นสาวกที่มีอายุยืนยาวที่สุด ถูกเนรเทศและถูกขังที่เกาะปัทมอส
*ยากอบ – เป็นอัครสาวกคนแรกที่ต้องพลีชีพ ยอมตายเพื่อความเชื่อ
พวกเขาต้องการประสบการณ์ครั้งนี้เพราะถูกเรียกมาเพื่อพันธกิจพิเศษที่พระเจ้าใส่เข้ามาในชีวิตของพวกเขา จะได้สามารถอดทน หรือทนทุกข์กับการข่มเหงต่าง ๆ ได้ด้วยความมั่นใจจากประสบการณ์บนภูเขาสูงนี้
ซึ่งมาระโกได้บันทึกว่า “…พระเยซูทรงพาเปโตร ยากอบและยอห์น ขึ้นภูเขาสูงแต่ลำพัง…”
เป็นที่น่าสังเกตุว่าทำไมต้องเป็นภูเขาสูง
ในสดุดี 133:3 “เหมือนน้ำค้างของภูเขาเฮอร์โมน … เพราะว่าพระเยโฮวาห์ทรงบังคับบัญชาพระพรที่นั่น คือชีวิตจำเริญเป็นนิตย์”
(พซม.4:8) ภูเขาเฮอร์โมนนั้น สูงกว่าภูเขาอื่น ๆ หลายเท่าและเป็นภูเขาที่โดดเดี่ยว สงบ และเหมาะสมที่จะใช้เวลากับพระเจ้าเป็นการส่วนตัว ซึ่งได้สอนให้เราเรียนจากพระคริสต์ได้ว่าหลังจากการทำพระราชกิจต่าง ๆ มากมายทั้งวันนั้น พระองค์ยังคงต้องการที่พิเศษสุด ที่จะมีสัมพันธ์สนิทกับพระบิดาเป็นการส่วนตัว และให้เรามองย้อนกลับมาที่ตัวเองว่า หลาย ๆ ครั้งในชีวิตเราเมื่อยุ่งวุ่นวายกับการงานต่าง ๆ แม้แต่การรับใช้มากมาย แต่เราไม่เคยมีการจัดตั้งเวลาที่จะมีที่พิเศษสุด ที่จะสงบและโดดเดี่ยวเพื่อจะได้มีสัมพันธ์สนิทกับพระเจ้าพระบิดาเหมือนกับพระคริสต์ ซึ่งแท้ที่จริงเป็นความจำเป็นอย่างมากในชีวิตคริสเตียนเพื่อความมั่นคงและเข้มแข็งในการดำเนินชีวิตในความเชื่อ ใน ลก.9:28-29 & อีกหลายตอนบันทึกว่าพระคริสต์ได้นำสาวกไปที่โดดเดี่ยว ลำพัง สงบเพื่ออธิษฐาน ดังนั้นไม่ว่าเราจะมีปัญหาหนักมากขนาดไหน ให้เราหาที่พิเศษสุดเพื่อจะอธิษฐานและมีประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่นี้กับพระเจ้า ปัญหาเหล่านั้นจะได้รับการช่วยเหลือ รวมถึงจะไม่มีวันลืมประสบการณ์เหล่านั้นเลย
- สิทธิพิเศษของประสบการณ์บนภูเขาสูง(2ข-7) ทั้งมก.&ลก.ได้บันทึกถึงเหตุกาณ์นี้ว่า ต่างก็เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางขึ้นภูเขาสูง พวกเขาก็หลับสนิทแต่พระเยซูคริสต์เหนื่อยแต่ไม่หลับ เพราะเคล็ดลับของพระองค์คือการอธิษฐาน เป็นการพักผ่อนเสริมกำลังให้กับพระองค์ หมอลูกาได้บันทึกว่า เมื่อสาวกทั้ง3ตื่นขึ้นมาก็ได้เห็นภาพที่งดงามและน่าตื่นเต้นมาก และนี่คือสิทธิพิเศษที่พวกเขาได้รับคือ
2.1. พระกายของพระองค์ก็เปลี่ยนไปต่อหน้าเขา เป็นการสำแดงให้สาวกได้เห็นร่างกายจากสวรรค์ (กายทิพย์) เหนือร่างกายมนุษย์ธรรมดา ยืนยันการเป็นพระเจ้าของพระองค์แก่ทุกคน และบอกให้กับผู้เชื่อทุกคนว่าวันหนึ่งเราจะมีร่างกายแบบพระองค์ที่มีสง่าราศี *R. Kent Hughes ได้เขียนบอกไว้ในหนังสือ “Jesus Servant and Savior” ว่า “…ในเสี้ยววินาทีนั้น ผ้าคลุมแห่งความเป็นมนุษย์ของพระเยซูได้ถูกยกออกและเนื้อแท้ของพระองค์ได้เปิดเผยเปล่งรัศมีทะลุออกมา พระสิริที่เป็นของพระองค์ในส่วนลึกตลอดมาได้สำแดงออกมาภายนอกเพียงครั้งเดียวในชีวิตฝ่ายโลกของพระองค์…” (สดุดี 104:1-2,ดาเนียล7:9,วิวรณ์ 21:23 ฮีบรู1:3,โรม 12:2,2 โครินธ์ 3:18,โรม 8:29)
2.2 พวกเขาเห็นผู้เผยพระวจนะเอลียาห์และโมเสส ซึ่งทั้ง2 คนสำคัญมากในประวัติศาสตร์อิสราเอล *โมเสส – เป็นตัวแทนของพระบัญญัติที่ได้รับจากภูเขาซีนาย ผ่านการตายและพระเจ้าทรงรับขึ้นไป ส่วน*เอลียาห์ – เป็นตัวแทนของผู้เผยพระวจนะ มีประสบการณ์กับพระเจ้าที่ภูเขาโฮเรบ ไม่ต้องผ่านการตายแต่พระเจ้าทรงรับขึ้นไปบนสวรรค์ มาสนทนากับพระเยซู บอกให้เรารู้ว่าจะมีคนอยู่ 2 กลุ่มแบบนี้ที่จะถูกรับขึ้นไปเมื่อพระเยซูคริสต์ทรงเสด็จกลับมาครั้งที่ 2 ในยุคสุดท้ายนี้ ซึ่งอ.เปาโลไม่ได้อยู่ในประสบการณ์นี้แต่ท่านเข้าใจสิ่งที่พระเยซูสื่อให้รู้ (1ธส.4.16-17) ในลก. 9.30-31..การตายของพระคริสต์ ที่สำเร็จบนโลกนี้ เมื่อเปโตรได้เห็นก็ปรารถนาอยากอยู่ในบรรยากาศนั้นให้นานที่สุดจึงเสนอการสร้างพลับพลา 3 หลังให้ ซึ่งเป็นข้อผิดพลาดอย่างร้ายแรง เพราะเป็นการวางค่าพระเยซูเท่าผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งแต่ไม่ได้มองเห็นว่าพระองค์เป็นพระเจ้า
2.3. มีเมฆมาปกคลุมพวกเขาไว้ (7ก) และ 2.4. มีพระสุรเสียงออกมาจากเมฆนั้น (7ข) หลังจากการเสนอของเปโตรนั้น พระเจ้าได้ปรากฎผ่านหมู่เมฆ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการทรงสถิตของพระองค์ และมีพระสุรเสียงออกจากเมฆนั้น เพื่อหยุดความคิดของมนุษย์ที่คิดว่าพระเยซูมีความเท่าเทียมกับโมเสสและเอลียาห์ ทรงตรัสให้รู้ว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าและให้ฟังพระบุตรนั้น ซึ่งเปโตรไม่เคยลืมประสบการณ์ที่ได้เห็นด้วยตาหรือได้ยินพระสุรเสียงจากเมฆนั้นเลย (2ปต.1:16-18)
- มุมมองของประสบการณ์บนภูเขาสูง (8) หลังจากที่สาวกมีประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่พวกเขาก็ตกใจกลัว และเห็นพระเยซูอยู่เพียงลำพัง กับพวกเขา เปโตรได้จดจำถึงอานุภาพของพระเจ้าและบันทึกไว้มากมายถึงพระเยซูว่าเป็นบุตรของพระเจ้าในพระลักษณะที่เต็มไปด้วยสง่าราศี (มธ.17:6-7,2 ปต.1:16,ลก.9:29,มธ.17:2) แต่ในข้อ 8 นี้พระเจ้ากำลังสอนให้รู้ต่อไปว่าอย่ายึดติดกับปรากฎการณ์ต่างๆ ที่ได้เห็น แต่ให้ยึดติดกับพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระเจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น เพราะประสบการณ์เหล่านั้นไม่สามารถติดตามเราตลอดเวลาได้ แต่สามารถนำประสบการณ์เหล่านั้นมาใช้กับชีวิตเมื่อลงจากเขานั้นได้