ฮีบรู 11:21

หนังสือฮีบรูได้บันทึกถึงชีวิตและความเชื่อฟังของคนหลายคนที่มีผลส่งต่อลูกหลานของเขา    สำหรับยาโคบผู้ได้รับพรสิทธิบุตรหัวปี แทนเอซาว ท่านมีลูกอยู่ 12 คน แต่ก่อนตายได้อวยพรบุตรของโยเซฟลูกคนที่ 11 แต่ลูกอีก 11 คนรวมถึงหลาน ๆ ไม่ได้กล่าวในหนังสือนี้ (ปฐก.35:23-26..มีลูกชาย 12 คนผ่านภรรยา 4 คน.) ข้อ22 รูเบนเป็นบุตรหัวปีซึ่งควรรับสิทธิหัวปี แต่เขาทำผิดบาปต่อภรรยาของบิดา จึงเป็นมลทิน หรือแม้แต่ยูดาห์บุตรคนที่ 2 ซึ่งจะมีผู้ครอบครองเกิดจากเขา ก็ไม่ได้รับสิทธิหัวปีนี้ (1พศด.5:1-2)

สิทธิบุตรหัวปีจึงตกเป็นของบุตรโยเซฟ เกิดจากภรรยาที่ยาโคบรัก คือราเชล และช่วงเวลาที่เขาแก่แล้ว (ปฐก.37:3)  และยาโคบได้รับบุตรของโยเซฟทั้ง 2 คนเป็นบุตรของตนและอวยพร

(ปฐก.48:15-16 “15…แล้ว​อิส‌รา‌เอล​กล่าว​คำ​อวย‍พร​แก่​โย‌เซฟ​ว่า……16ขอ​ทูต‍สวรรค์​ที่​ได้​ช่วย​ข้าพ‌เจ้า​ให้​พ้น​จาก​ความ​ชั่ว‍ร้าย​ทั้ง‍สิ้น  โปรด​อวย‍พร​แก่​เด็ก​ทั้ง‍สอง​นี้  ให้​เขา​สืบ​ชื่อ​ของ​ข้าพ‌เจ้า​และ​ชื่อ​ของ​อับ‌รา‌ฮัม และ​ชื่อ​ของ​อิส‌อัค​บิดา​ของ​ข้าพ‌เจ้า​ไว้  และ​ขอ​ให้​เขา​เจริญ​ขึ้น​เป็น​มวล‍ชน​บน​แผ่นดินเถิด”

และข้อ 20 “…​อิส‌รา‌เอล​ก็​ให้​พร​แก่​ทั้ง‍สอง​คน​ว่า  “พวก​อิส‌รา‌เอล​จะ​ใช้​ชื่อ​เจ้า​ให้​พร​ว่า  ‘ขอ​พระ‍เจ้า​ทรง​โปรด​ให้​ท่าน​เป็น​เหมือน​เอฟ‌รา‌อิม และ​เหมือน​มนัส‌เสห์ เถิด’ ”‍

และหลังจากนั้นปฐก.49 ก็เป็นคำอวยพรและพยากรณ์ของยาโคบถึงบุตรชายทั้งหลายของท่าน  ตย.เช่นข้อ3-4 กล่าวถึงรูเบนที่ทำผิดกับภรรยาของพ่อ ทำให้เขาพลาดโอกาสเหมือนเอซาว สูญเสียสิทธิบุตรหัวปี  ซึ่งเป็นพระพรทั้งหมดที่เขาควราจะได้รับและส่งต่อลูกหลานของเขาเอง

สิ่งที่น่าสนใจในการเป็นพ่อแม่นำพรมาสู่ลูกหลานของเขาเอง  เราจะเห็นได้จากลูกหลานของเอฟราอิม หนึ่งในบุตรทั้งสองที่รับพร ส่งต่อสู่หลานคือ โยชูวาบุตรนูน จากบิดาเอฟราอิม(กดว.13:8, 16..และเป็นช่วงที่โมเสสเรียกตัวแทน12 เผ่าไปสอดแนม แต่มีเพียง 2 คนคือโยชูวาและคาเลบเท่านั้นที่มีความเชื่อมองอย่างที่พระเจ้ามอง ส่วนอีก 10 มองตามตาที่มองเห็นและโยชูวาก็ถูกเรียกให้นำชนชาติเข้าสู่แผ่นดินพันธสัญญา)  สิ่งที่เราได้รับบทเรียนจากตอนนี้คืออะไร ?  คือการที่เราจะเป็นบรรพบุรุษที่ส่งต่อพระพรให้ลูกหลานได้และไม่ขาดตอนต้องมีคุณสมบัติดังนี้ :

  1. จงเป็นบรรพบุรุษหรือผู้ใหญ่ที่เชื่อฟังพระเจ้าอย่างไม่มีเงื่อนไข ตย.จากชีวิตโยเซฟซึ่งได้รับพรส่งต่อจากอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ส่งผลทำให้เขายอมรับบทเรียนจากพระเจ้าในการทนทุกข์จากการข่มเหงของพี่ ๆ เขารักษาชีวิต รักษากฎเกณฑ์ เขาถูกกดดันโดยเฉพาะเรื่องเพศ ภรรยาของนายจ้าง ยอมเข้าคุก (ปฐก.39:6-8,17-20)  และการที่เขาผ่านการทดสอบด้วยท่าทีแห่งการเชื่อฟัง โดยไม่ตอบสนองเหตุการณ์ด้วยการบ่นหรือต่อว่า ขมขื่นและสาปแช่งใคร เป็นเหตุให้เขาได้รับพรอย่างมากในการครอบครองอิยิปต์รองจากฟาโรห์ และเอฟราอิมกับมนัสเสห์ก็ได้รับพรบุตรหัวปีด้วย จนมาถึงรุ่นโยชูวาเขาก็ได้รับการเลือกให้นำชนชาติครอบครองแผ่นดินแห่งพันธสัญญา  โยเซฟ เป็นปู่ที่สามารถสอนลูกหลานได้อย่างชัดถ้อยชัดคำในการเดินผ่านความทุกข์ยาก ด้วยความไว้วางใจในความสัตย์ซื่อของพระเจ้า

    (สดด.91:4..ความซื่อสัตย์ของพระองค์เป็นโล่และเป็นดั้ง…)

  2. ดังนี้การที่เราจะเป็นคนรุ่นหนึ่งที่จะต้องส่งต่อพระพรต่อคนอีกหลายรุ่นต่อจากเรานั้น เราสามารถเลือกการเชื่อฟังพระดำรัสของพระเจ้า เดินออกจากความบาป นำชัยชนะมาสู่ครอบครัวลูกหลานของเรา หรือจะยังคงให้ความบาปส่งรุ่นต่อรุ่นในความอ่อนแอ ที่ไม่มีสิ้นสุดกับลูกหลานของเราโดยไม่มีการจัดการตั้งแต่เดี่ยวนี้ที่ตัวเรา
  3. สิ่งที่เราต้องทำคือ การเป็นแบบอย่างในการติดตามพระเจ้า โดยการอธิษฐาน การนมัสการพระเจ้า  ตย.คือโยชูวา

    (อพย.33:11 “ 11… แต่​โย‌ชู‌วา​ผู้‍รับ‍ใช้​หนุ่ม ผู้​เป็น​บุตร​ของ​นูน มิ‍ได้ ออก‍ไป​จาก​เต็นท์)

  4. และตย.จากครอบครัวผู้รับใช้ท่านหนึ่งซึ่งเขาสอนให้ลูกสาวทั้งสามคนรักที่จะนมัสการและอธิษฐานอยู่เป็นประจำ  ส่งผลให้ลูกของเขาได้รับการช่วยเหลือ และเลี้ยงดูอย่างอัศจรรย์  ได้รับของประทานในการแต่งเพลงและผลเรียนก็ดียอดเยี่ยม รวมถึงมีหัวใจที่ดีที่เมตตาสงสารต่อผู้อื่น เมื่อเกิดปัญหาอะไรเขาก็จะได้รับการสอนจากบิดาให้อธิษฐานต่อพระเจ้าเสมอ  (อฟ.6:18..จงอธิษฐานวิงวอนทุกอย่าง…, รม.12:12..จงชื่นชมยินดีและอดทน  จงขมักเขม้นในการอธิษฐาน”) และ (มธ.5:17-20,27-30)

สุดท้ายนี้ ขอหนุนใจให้ทุกท่านเลือกและตัดสินใจเสียเดี๋ยวนี้ที่จะเป็นบรรพบุรุษ เป็นพ่อเป็นแม่ เป็นผู้ใหญ่แห่งความเชื่อที่ส่งต่อพระพรให้ลูกหลานให้พวกเขาได้รับพระพรของพระเจ้าสืบไป อาเมน