สดุดี 145:1-9
ข้อ 4 “คนชั่วอายุหนึ่งจะสรรเสริญพระราชกิจของพระองค์ ให้คนอีกชั่วอายุหนึ่งฟัง และประกาศกิจการอันทรงอานุภาพของพระองค์”
จากพระคัมภีร์ทั้งเก่าและใหม่ได้กล่าวถึงการช่วยเหลือประชากรของพระองค์อย่างอัศจรรย์ ข้ามทะเลแดง ให้พ้นจากการเป็นทาสของอิยิปต์ พระเยซูคริสต์เลี้ยงคน ห้าพันคน ด้วยขนมปัง 5 ก้อน และปลา 2 ตัว รวมถึงผ่านสาวกของพระองค์ที่ได้ทำการอัศจรรย์อีกมากมาย รักษาคนป่วยให้หาย สิ่งเหล่านี้อาจถูกตั้งคำถามว่าทำไมเชื่อ ได้เห็นด้วยตาหรือ? ก็เปล่า แต่มีหลักฐานบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ และถ้าเป็นคนที่อยากเห็นของจริง ก็จะสามารถเห็นได้ในปัจจุบันจาก เทคโนโลยี การค้นคว้า ไม่ว่าจะเป็นซากเรือโนอาห์ ซากรถรบของอิยิปต์ที่อยู่ในทะเลแดง ซากเมืองโสโดม กมราห์ที่ถูกเผาไฟกำมะถัน มีความร้อนกว่า5000 องศา ซึ่งยังไม่มีเตาเผาที่มนุษย์สร้างขึ้นมาได้ความร้อนนี้ เป็นความร้อนใกล้ดวงอาทิตย์ เมื่อมีวิวัฒนาการมากขึ้น เราก็จะพบหลักฐานมากขึ้นตามมา
เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์ปฐมกาล ถึงวิวรณ์ จะเห็นการอัศจรรย์และมหัศจรรย์มากมาย ทั้งเล่มเพื่อกล่าวถึงเพียงเรื่องเดียวคือ พระเจ้าดีต่อประชากรของพระองค์เสมอ หลายครั้งในการอพยพของชาวอิสราเอล พวกเขามักจะบ่นถึงทุกสิ่งอย่าง ถึงอาหาร พระเจ้าจึงได้ตรัสอย่างเจาะจงในพระคัมภีร์เดิมให้เราจดจำว่า
“มือของเราสั้นไปหรือ ?”
และพระองค์ก็ทรงประทานนกคุ่มให้มาแบบบันทึกไว้ว่า
“หลั่งเนื้อลงมาเหมือนทรายในทะเล”
มันมหาศาลมาก มาดูในพันธสัญญาใหม่ที่พระเยซูคริสต์ ทรงเดินไปที่อุโมงค์ที่ลาซารัสตายไปแล้ว 3 วัน แม้แต่มารธายังทักท้วงพระองค์ว่า มันเหม็นแล้วนะ แต่พระองค์ทรงตรัสกับมารธาว่า “ถ้าเจ้าเชื่อ เจ้าจะเห็นความ่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า” และพระองค์ก็เรียกลาซารัสให้ลุกขึ้น เขาก็ฟื้นจากความตาย สิ่งนี้สอนให้เรารู้ว่าถ้าเราเชื่อ เราก็จะเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ถ้าไม่เชื่อ ก็จะเป็นไปตามความเชื่อของเรา และยังมีสาวกของพระองค์อีกมากมาย โดยเฉพาะเปโตร ที่ประกาศคนรับเชื่อ สามพันคน เงาของเขาก็รักษาโรคได้ ส่วนเปาโลก็ชุบคนที่ตกลงมาตายให้ฟื้นได้ นี่คือสิ่งที่พระเยซูคริสต์ได้ตรัสว่า “เจ้าจะทำการอัศจรรย์ได้เหมือนเรา และยิ่งใหญ่กว่าเรา” ทุกคนจะทำกิจอันยิ่งใหญ่ได้ก็ต้องมีความเชื่อในพระเจ้า เพราะคนที่ทำคือ พระเจ้าเพียงผู้เดียว พระเจ้าดี
เหล่านี้คือคำพยานที่บันทึกในพระคัมภีร์ แต่ปัจจุบันก็มีการบันทึกถึงการอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับคนมากมายทั่วโลกในยุคนี้เช่นกัน ถ้าทุกคนทั่วโลกบันทึกคำพยานชีวิตไว้ ทั้งหมดก็จะเล็งไปถึงคือ พระเจ้าดี เมื่อเป็นพยานมาก ๆ ขึ้น เมื่อพูด เมื่อฟัง บ่อยๆ ครั้ง ก็จะยิ่งดี ยิ่งแข็งแรง และเติบโต ในข้อ “7เขาทั้งหลายจะโฆษณาข่าวเลื่องลือถึงคุณความดีอันอุดมของพระองค์ออกมา…” โฆษณาหมายถึงการเทไหลล้นออกมา ถึงความดีของพระเจ้าในชีวิตของเรา ก็จะทำให้เราแข็งแรงขึ้น และขณะเดียวกัน ถ้าเราฟัง พูด และมองสิ่งที่ไม่ดี ซึ่งเป็นของโลก ก็จะทำให้เราแห้งเหี่ยวตาย ฆ่าแย่งชิงสิ่งที่ไร้สาระเช่นกัน และพวกเขาจะพูดแค่เรื่องเดียวเหมือนกันคือ “ต้องพึ่งตัวเองอยู่รอดให้ได้”
คำพยานจากคุณระเบียบ ศรีสุข เขาเป็นโรคไตตอนอายุ 14 ปี ต้องหาหมอกินยามาตลอดจนโตซึ่งควบคู่ไปกับความเจ็บปวดของสุขภาพร่างกาย หลังจากนั้นมีลูก 3 คน แต่เนื่องด้วยสามีดื่มเหล้าติดบุหรี่ ติดผู้หญิง ทำให้คุณระเบียบพลอยติดเชื้อในมดลูก และยังถูกสามีพูดดูถูกด้วยคำรุนแรง ว่าเธอใช้การไม่ได้แล้ว ทั้งที่เธอเป็นคนดิ้นรนทำงานหาเงินมาดูแลครอบครัวจนร่างกายเจ็บปวดบวมสภาพเหมือนศพ สุดท้ายหมอก็บอกว่าเธอจะอยู่ได้ไม่เกิน 15 วัน นั่นหมายถึงว่าคงไม่ได้เจอเธออีก เมื่อเธอกลับมาและพยายามข่มตาลงนอน เธอก็เห็นภาพร้านหนังสือคริสเตียนที่เธอผ่านบ่อย ๆ แถวที่ทำงาน เธอจึงตัดสินใจว่า พรุ่งนี้เธอจะไปหาหนังสือดีๆ สักเล่มอ่านก่อนตายพอวันรุ่งขึ้น เธออยู่หน้าประตูร้านหนังสือ เธอก็ร้องไห้ไม่หยุด เหมือนเธอได้เจออะไรบางอย่างที่หามานาน ในที่สุดน้องในร้านหนังสือก็เชิญเธอเข้ามาให้เธอระบายให้หมดและโฆษณาพระเยซูคริสต์ให้เธอเชื่อ และเขียนแผนที่คจ.ให้เธอไป ในที่สุดคุณระเบียบก็ไปคจ.ในวันรุ่งขึ้น เมื่อเธอรับเชื่อ เธอก็รู้สึกว่าชีวิตโล่งสบาย เธอก็กระตือรือร้นรักพระเจ้า จนลืมสิ่งที่หมอบอกว่า 15 วันต้องตาย ในที่สุดเธอก็นึกขึ้นได้ว่าต้องไปหาหมอเอายา เมื่อหมอเห็นก็แปลกใจคือเธอต้องตายไปแล้ว จึงเช็คดูโรคไต โรคติดเชื้อ และทุกโรค หายสนิท โดยไม่ต้องรับยาอีกเลย และขณะที่เป็นพยานนั้น เธอได้หายมากว่า 17 ปีแล้ว นี่คือคำพยานที่ควรโฆษณากล่าวถึงทั้งสิ้นว่า พระเจ้าดี
สุดท้ายทำให้ชีวิตของเรานั้นประกาศถึง พระเจ้าดีในชีวิตของเราให้ได้ โดยสร้างความเชื่อให้กับตัวเราเองผ่านการท่องพระวจนะ และใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้าให้มาก ๆ แล้วคุณจะเห็นความยิ่งใหญ่ในชีวิตของคุณเอง ผ่านทางความดีของพระเจ้าที่กระทำในชีวิตของคุณ เอเมน