ข้อพระคัมภีร์หลัก ฮีบรู 11:20
โดยความเชื่ออิสอัคจึงอวยพรยาโคบและเอซาว สำหรับเหตุการณ์ซึ่งจะเกิดขึ้นในภายหน้า
อิสอัคได้อวยพรยาโคบ และคำอวยพรนั้นก็สำเร็จสมบรูณ์ในชีวิตของยาโคบและพงศ์พันธุ์ของเขาจนถึงปัจจุบัน
เมื่ออิสอัคอวยพรยาโคบเสร็จ ยาโคบไปแล้ว เอซาวก็กลับจากการล่าสัตว์ ก็ทำอาหารให้พ่อกิน ปฐมกาล 25 :32-33 อิสอัคพูดกับเขาว่า “เจ้าคือใคร” เขาตอบว่า “ฉันคือลูกชายลูกหัวปลีของพ่อคือเอซาว” พอได้ฟังดังนั้น อิสอัคก็ตัวสั่น พูดว่า “ใครเล่าที่ไปล่าเนื้อ แล้วนำมาให้พ่อ พ่อกินหมดแล้วก่อนเจ้ามาถึง และพ่ออวยพรเขาแล้วเป็นที่แน่ว่าเขาจะได้รับพร”
เอซาวได้ขายสิทธิบุตรหัวปลีของตนเอง “ดูซิ ข้ากำลังจะตายอยู่แล้ว สิทธิหัวปลีจะเป็นประโยชน์อะไรแก่ข้า” ปฐมกาล 25:31-34 ดังนี้ เอซาวดูหมิ่นสิทธิบุตรหัวปลีของตน
อิสอัคบิดาของเขาจึงตอบว่า
“ที่อาศัยของเจ้าจะอยู่ห่างจากความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน และห่างจากน้ำค้างจากฟ้าเบื้องบน แต่เจ้าจะมีชีวิตอยู่ด้วยดาบ และเจ้าจะรับใช้น้องชายของเจ้า แต่เมื่อเจ้าสลัดหลุดไปได้ เจ้าจะหักแอกของเขาออกจากคอของเจ้า” ปฐมกาล 27:39-40
สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากเอซาว
- เอซาวไม่สนใจในถ้อยคำของพระเจ้า ปฐมกาล 25:34
เอซาวได้ดูหมิ่นสิทธิบุตรหัวปลีของตน ในครอบครัวของคนยิวนั้น จะสอนกันรุ่นต่อรุ่นถึงพันธสัญญาที่พระเจ้าได้สัญญากับครอบครัวของตนเอง
เมื่อดูชีวิตของยาโคบ ปฐมกาล 28:10-22 ยาโคบได้ออกจากบ้านไปถึงเบธเอล ยาโคบได้ฝันว่ามีบันไดอันหนึ่งตั้งขึ้นบนแผ่นดินโลก ยอดถึงฟ้าสวรรค์ พระเจ้าประทับอยู่เหนือบันได บอกกับยาโคบว่าพงศ์พันธุ์ของมนุษย์โลกจะได้รับพรเพราะเจ้า และเพราะเชื้อสายของเจ้า เราจะอยู่กับเจ้าทุกหนแห่งที่เจ้าไป เราจะไม่ทอดทิ้งเจ้า ยาโคบรักการนมัสการ ติดสนิทกับพระเจ้า เชื่อฟังในพระคำของพระองค์ และสัญญาจะถวายหนึ่งในสิบแก่พระองค์
ในทางตรงกันข้าม เอซาวแต่งงานกับคนต่างชาติ ชาวคานาอัน คนฮีไวต์ ลูกหลานอิชมาเอล คนฮิตไทต์ เอซาวไม่สนใจในสิ่งที่เป็นชีวิตในพระเจ้า เอซาวนำความผิดหวังมาสู่แม่ของตน ปฐมกาล 27:46 เอซาวไม่ได้สนใจในคำสอนของบรรพบุรุษที่ไม่ให้แต่งงานกับหญิงต่างชาติ ไม่สนใจคำสอนของพระเจ้า ดำเนินชีวิตตามเนื้อหนัง และตามใจของตนเอง สิ่งที่ตามมาคือ ลูกหลานของเอซาวคือเอโดม
1.1 ต่อสู้กับแผนการของพระเจ้า กันดารวิถี 20:14-21 เมื่อโมเสสได้กล่าวกับกษัตริย์แห่งเอโดม ที่จะขอเดินทางผ่านดินแดนของเขา แต่เอโดมกล่าวว่าเจ้าจะผ่านไปไม่ได้ แล้วเอโดมก็ออกมาต่อสู้กับเขาด้วยคนมากมายที่มีกำลังเข้มแข็ง เช่นนี้แหละเอโดมจึงไม่ให้อิสราเอลผ่านพรมแดนของเขา ดังนั้นอิสราเอลจึงหนีไปจากเขา
1.2 มีความหยิ่งยโส และมั่นใจในสิ่งที่ตนมี โอบาดีห์ 1:3 กล่าวถึงชนชาติเอโดมว่าความเห่อเหิมแห่งใจของเจ้าได้ล่อลวงเจ้าเอง เจ้าผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในซอกหิน ที่อาศัยของเจ้าอยู่สูง เจ้ารำพึงอยู่ในใจว่า “ผู้ใดจะให้เราลงมายังพื้นดิน” เอโดมไม่ได้หยุดอยู่ที่ความหยิ่งยโส แต่ได้พัฒนาความหยิ่งยโส ได้กระทำผิดต่อยาโคบน้องชายของเขา โอบาดีห์ 1:10-16 กระทำการทารุณ ไม่ให้ความช่วยเหลือเมื่อมีคนมาปล้น มองดูความหายนะของเยรูซาเล็มด้วยความพอใจ ยินดีเมื่ออิสราเอลถูกทำลาย หัวเราะเยาะหยันพอใจเมื่อเห็นภัยพิบัติ แต่พระเจ้าจะต่อสู้กับคนหยิ่งจองหอง ยากอบ 4:6 พระเจ้าทรงเยาะเย้นคนี่มักเยาะเย้น สุภาษิต 3:34
- เอซาวหรือชนชาติเอโดมรับคำพิพากษาจากพระเจ้า โอบาดีห์ 1:18 พงศ์พันธุ์ของยาโคบเป็นไฟ พงศ์พันธุ์ของโยเซฟจะเป็นเปลวไป และพงศ์พันธุ์ของเอซาวจะเป็นตอข้าว ไฟและเปลวไฟจะไหม้เผาผลาญเสีย พงศ์พันธุ์ของเอซาวจะไม่มีใครรอดเลย เพราะพระเจ้าลั่นพระวาจาแล้ว แม้ที่อยู่ของเขา ชนชาติก็จะไม่เหลือเลย ราชอาณาจักรนั้นจะตกเป็นของพระเจ้า โอบาดีห์ 1:19-21 พระเจ้าตรัสว่า เอซาวเป็นพี่ชายของยาโคบไม่ใช่หรือ เราก็ยังรักยาโคบ แต่เราได้เกลียดเอซาว เราจะทำให้เทือกเขาของเขาร้างเปล่า มาลาคี 1:2-5 พระเจ้าพูดถึงจุดจบของเอซาว ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่มากเท่าใด ก็ไม่สามารถต่อสู้กับพระเจ้าได้ เมื่อต่อสู้กับแผนการของพระเจ้า เดินในวิถีที่ตามใจตนเอง เราก็จะพบกับจุดจบอย่างแน่นอน
เอซาวเดินกับพระเจ้าอย่างเนื้อหนัง ทำตามใจตนเอง ไม่เชื่อฟัง ไม่สนใจในพระคำของพระเจ้า ผลที่เกิดขึ้นกับเขาก็จะรุนแรง เราที่เป็นคริสเตียน เราก็ต้องไม่เดินตามเนื้อหนังความคิดของเรา 1 โครินธ์ 3:1-3 ด้วยว่าท่านยังอยู่อย่างเนื้อหนัง เพราะว่าเมื่อยังอิจฉากัน และขัดเคืองใจกัน พวกท่านก็อยู่ฝ่ายเนื้อหนังและประพฤติอย่างคนทั่วไปไม่ใช่หรือ โรม 8:5-9 เพราะว่าคนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนังก็ปักใจในสิ่งที่เป็นเนื้อหนัง แต่คนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายพระวิญญาณ ก็สนใจในสิ่งซึ่งเป็นพระวิญญาณ ด้วยว่าซึ่งปักใจอยู่กับเนื้อหนัง ก็คือความตาย และซึ่งปักใจอยู่ทางพระวิญญาณก็คือชีวิต และสันติสุข 2 โครินธ์ 10:3-5 ถึงแม้ว่าเราอยู่ในโลกก็จริง แต่เราก็มิได้สู้รบตามโลกียวิสัย เพราะว่าศาสตราวุธของเราไม่เป็นฝ่ายโลกียวิสัย แต่มีฤทธิ์เดชจากพระเจ้า
ในทุกยุคทุกสมัย ถ้าเราเลือกจะเดินแบบเนื้อหนัง เราก็ต่อสู้กับพระวิญญาณ ถ้าเราคิดแบบโลกในการดำเนินชีวิต ต้องมี ถ้าไม่มีก็ทุรนทุราย ต้องการทำทุกอย่างตามใจตนเอง มากกว่าที่จะเชื่อฟังพระเจ้าก็นำเราไปสู่ชีวิตที่ไม่มีพระเจ้า ดังเอซาวซึ่งเริ่มจากการดูถูกพระสัญญา และกฎเกณฑ์ของพระเจ้า