ข้อพระคัมภีร์หลัก​     มัทธิว 13:1-8,20-23

เมล็ดพืชแต่ละชนิดมีความแตกต่าง ในเรื่องขนาด รูปร่าง สี แต่เมล็ดทุกอย่างมีความเหมือนกันตรงที่ มันมีศักยภาพที่จะเติบโต ขณะที่มันเป็นเมล็ดอยู่มันยังไม่โต แต่เมื่อมันตกถึงดินมันจึงจะโตและเกิดผล

ในมัทธิว 13 ข้อ 20 พระเยซูบอกว่า ดินนั้นได้แก่สภาพจิตใจของเรา และในข้อ 23 เมล็ดพืชได้แก่ พระวจนะของพระเจ้า พระวจนะของพระเจ้าได้แก่เมล็ดพันธุ์จะเกิดผลได้มากเท่าไรขึ้นกับดินซึ่งได้แก่สภาพจิตใจของเรา ถ้าเราต้องการให้พระวจนะของพระเจ้าเกิดผลในชีวิตของเรา เราต้องทำอย่างไร?

*เราจะต้องเตรียมจิตใจให้พร้อม เพื่อเพาะเลี้ยงพระวจนะและนำชีวิตของเราไปสู่การเกิดผลได้ โดยการทำ 3 อย่างด้วยกันคือ

หนึ่ง เราจะต้องขุด(พรวน)ดิน

*มัทธิว 13.4 , มัทธิว 13.19 “… เมื่อ​ผู้ใด​ได้​ยิน​คำ​บอก​เล่า​เรื่อง​แผ่นดิน​พระ​เจ้า​แต่​ไม่​เข้าใจ มาร​ร้าย​ก็​มา​ฉวย​เอา​พืช​ซึ่ง​หว่าน​ใน​ใจ​เขา​นั้น​ไป​เสีย นั่น​แหละ​ได้แก่​เมล็ด​พืช​ซึ่ง​หว่าน​ตก​ริม​หนทาง…”

จิตใจที่เป็นเหมือนหนทาง จะไม่ยอมให้พระวจนะเกิดผล เพราะจิตใจนั้นถูกบด ถูกเหยียบ จนแข็งอัดแน่น ที่เมล็ดเกิดผลไม่ได้ ได้แก่ ผู้ที่ฟังพระวจนะ แล้วขาดการตอบสนองในทันที มารเข้ามายุยง กลับไปดำเนินชีวิตตามวิถีชีวิตเดิม ความเชื่อเก่า ค่านิยมเก่า ทัศนคติเดิม  กลับไปดำเนินชีวิตตามประเพณี/วัฒนธรรมเดิม ชีวิตไม่เปลี่ยนแปลง (มัทธิว 15.6 ,ยากอบ 1.6-8)

# เราจะพรวนดิน(เพาะเลี้ยงใจ)ของเราให้พร้อม เพื่อการเกิดผลได้อย่างไร?

     1 เปโตร 1.13 “…เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเตรียมตัวเตรียมใจ (ความคิด) ของท่านไว้ให้ดี​​

1.1 นอนหลับให้เพียงพอในคืนวันเสาร์ เพื่อจะได้ไม่อ่อนเพลีย หรือง่วงหลับขณะฟังพระคำพระเจ้า

1.2 อธิษฐานเตรียมเปิดใจให้กับพระเจ้า เพื่อจะพบพระองค์

1.3 จงพร้อมที่จะนำพระวจนะจากคำเทศนามาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ให้เกิดผล ให้ได้อย่างน้อยสักหนึ่งอย่าง

สอง  เราจะต้องให้เมล็ดพืชแทง(หยั่ง)ราก

มัทธิว 13.5-6 , มัทธิว 13.20-21“…20 เมล็ด​พืช​ซึ่ง​หว่าน​ตก​ใน​ที่ดิน​ซึ่ง​มี​พื้น​หิน​นั้น ได้แก่​บุคคล​ที่​ได้​ยิน​พระ​วจนะ แล้ว​ก็​รับ​ทันที​ด้วย​ความ​ปรีดี​  21 แต่​ไม่​ฝัง​ลึก​ใน​ตัว​จึง​ทน​อยู่​ชั่วคราว และ​เมื่อ​เกิด​การ​ยาก​ลำบาก หรือ​การ​ข่ม​เหง​ต่างๆ เพราะ​พระ​วจนะ​นั้น เขา​ก็​เลิก​เสีย​ใน​ทันทีทันใด​​​…”

*อย่าตั้งอยู่บนความตื่นเต้น(ภายนอก) ปรากฏการณ์ ไม่สนใจการเปลี่ยนแปลงภายใน (ราก)

การเป็นคริสเตียนตามเหตุการณ์ เทศกาล ปรากฏการณ์ ไม่สามารถเป็น “ครสเตียนตลอดกาล” (ฮีบรู 6.1, เอเฟซัส 3.17)

# เราจะแทง/หยั่งรากแห่งความเชื่อของเราให้พร้อม เพื่อการเกิดผลได้อย่างไร?

2.1 ไปร่วมนมัสการที่คจ.ในทุกๆวันอาทิตย์ (ฮีบรู 10.25)

2.2 อ่านพระคัมภีร์และอธิษฐานทุกวัน

2.3 จงติดต่อสื่อสารกับพระเจ้าทุกๆวัน ให้ได้ยินเสียงตรัสของพระองค์

สาม เราจะต้องถอน(เผา)วัชพืช/หนาม

*มัทธิว 13.7 , มัทธิว 13.22“…22 ​”บุคคล​ที่​ได้​ฟัง​พระ​วจนะ แล้ว​ความ​กังวล​ตาม​ธรรมดา​โลก และ​ความ​ลุ่ม​หลง​ใน​ทรัพย์​สมบัติ​รัด​พระ​วจนะ​นั้น​เสีย จึง​ไม่​เกิดผล​​​…”

*ความกังวลตามธรรมดาโลก ได้แก่ แสวงหาในทิศทางเดียวกันกับโลก ซึ่งมีเรื่องที่จะให้เรากังวลมากมาย

*ความลุ่มหลงในทรัพย์สมบัติ ได้แก่ให้กำลังส่วนใหญ่กับสิ่งนี้ จนไม่เหลือกำลังไว้แสวงหาความจริงฝ่ายวิญญาณ

# เราจะถอน/เผาวัชพืชที่มาปกคลุมความเชื่อของเรา ให้เราพร้อมเพื่อการเกิดผลได้อย่างไร ?

3.1 เริ่มต้นโดยการถวายสิบลด

3.2 เริ่มถวายมากกว่าสิบลด (เกินกว่า 10% ของรายได้)

3.3 จงเริ่มต้นปรนนิบัติผู้อื่นที่อยู่รอบข้าง

สี่    เมล็ดที่ตกในดินดี

*มัทธิว 13.8 , มัทธิว 13.23 “…23 ส่วน​พืช​ซึ่ง​หว่าน​ตก​ใน​ดิน​ดี​นั้น ได้แก่​บุคคล​ที่​ได้​ยิน​พระ​วจนะ​นั้น​และ​เข้าใจ คน​นั้น​ก็​เกิดผล​ร้อย​เท่า​บ้าง หก​สิบ​เท่า​บ้าง สามสิบ​เท่า​บ้าง​​…”

*ดินดี ได้แก่ ดินที่มี อุณหภูมิ เหมาะ ชุ่มชื้น อาหาร สภาพยินยอมให้เมล็ดเจริญเติบโต

ได้แก่ คริสเตียนที่มีใจเปิดรับพระวจนะ(ว่านอนสอนง่าย) ตอบสนองทันที/เต็มใจทำตาม คริสเตียนที่ถ่อมใจ/เชื่อฟัง/ยอมจำนนต่อพระเจ้า/หิวกระหายพระองค์และสิ่งฝ่ายวิญญาณ ต้องการรู้จักพระเจ้า/พระวิญญาณมากยิ่งขึ้น

*สภาพแวดล้อมของคริสตจักรต้องเป็นเหมือนดินดี คือดินที่มีความบริสุทธิ์ในพระเจ้า ดินที่ไม่มีวัชพืชปกคลุม (วัชพืช ได้แก่ ความบาป ความอิจฉา การนินทา การเห็นแก่ตัว อื่นๆ) ให้พระวิญญาณเคลื่อนไหว

ถ้าคุณเป็นเหมือนดินดีอยู่แล้ว ขอให้รักษาสภาพดินดีต่อไป ให้ดินมี้ชุ่มด้วยพระคำของพระเจ้าอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้เปลี่ยนเป็นดินชนิดอื่น

พระเจ้าปรารถนาให้เราทุกคนเป็นคนดีและเกิดผลร้อยเท่า

ขอพระเจ้าทรงอวยพรท่าน อาเมน

(ศศกร กลิ่นส่ง ผู้สรุปคำเทศนา)