สดุดี 133

 ข้อ 1 ดูเถิด  ซึ่งพี่น้องอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน   ก็เป็นการดี  และน่าชื่นใจมากสักเท่าใด ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันสำคัญมาก เพราะพระเจ้าทรงประสงค์ให้เป็นเช่นนั้น  การแตกแยกมีในทุกยุคทุกกลุ่มไม่เว้นแม้แต่กลุ่มสาวกของพระเยซู  ในสังคมปัจจุบันการแตกแยกหรือไม่เป็นหนึ่งเดียวกันเกิดมากขึ้นๆและคืบคลานเข้ามาในคริสตจักรโดยคริสเตียนที่แตกเป็นกลุ่มหรือแยกคนเดียวไม่สนใจกันเพราะคิดว่าตัวเองเข้มแข็งก็พอ เหตุฉะนั้นคนที่คิดว่าตัวเองมั่นคงดีแล้ว ก็จงระวังให้ดี กลัวว่าจะล้มลง ยกตัวอย่าง ให้หักไม้ทีละอันง่ายดายมาก แต่พอเอาไม้มารวมกันมากมาก ถึงแข็งแรงแค่ไหนก็ไม่สามารถ วิธีที่มารทำลายก็เช่นกันถ้ามารทำให้คริสเตียนไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันแล้วก็จะค่อยๆทำลายจนคริสตจักรแตกได้แต่เมื่อคริสตจักรรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมารจะไม่สามารถเช่นเดียวกับที่ไม้รวมเป็นกำใหญ่ๆก็หักไม่ได้

ในยอห์น17:21-23 เพื่อเขาทั้งหลายจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน   ดังที่พระองค์   คือพระบิดาทรงสถิตในข้าพระองค์   และข้าพระองค์ในพระองค์   เพื่อให้เขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระองค์   และกับข้าพระองค์ด้วย   เพื่อโลกจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา

เป็นคำอธิษฐานของพระเยซูที่อยากให้สาวกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเหมือนดั่งที่พระเยซูกับพระบิดาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ที่แสดงให้เห็นแล้วเป็นการเริ่มต้นให้พวกเราทำตาม  คือ ที่พระบิดาพระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นหนึ่งเดียวกันโดยแยกไม่ออก พระเยซูมาเพื่อทำให้มนุษย์เห็นว่าต้องทำอย่างไรพระองค์ ยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณาที่กางเขน สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ยากเพราะพระเยซูยังไม่อยากทำ(ลูกา 22:42) แต่โดยพระบิดาพระองค์ก็ยอมเชื่อฟังทุกอย่าง  พระองค์ก็ปรารถนาให้พวกเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

การที่เราจะเป็นหนึ่งเดียวกันจะเกิดจากที่มีความสัมพันธ์กับพระเยซู

ยอห์น 15:7ถ้าท่านทั้งหลายเข้าสนิทอยู่ในเรา   และถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่านแล้ว   ท่านจะขอสิ่งใด   ซึ่งท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น

ด้วยการมีความสัมพันธ์กับถ้อยคำของพระองค์และเห็นความสำคัญของถ้อยคำที่สุด ก็จะไม่มีความขัดแย้ง  พิสูจน์การเป็นหนึ่งเดียวกันคือให้พระเยซูเป็นศูนย์กลาง ส่วนความแตกแยกจะเห็นผลของเนื้อหนังออกมา

ถ้าปรารถนาจะรับพระพรเริ่มต้นที่ความเป็นหนึ่งโดย เรากับพระเจ้าพระเยซูและคนใกล้ๆตัว(หรือคู่สมรส)  ตลอดจนการเป็นผู้สร้างสันติ ต่อสังคม ต่อประเทศชาติ ในฐานะที่เป็นคริสเตียนขอพระเจ้าให้มีสติปัญญาตอบสนองในสถานการณ์นั้นๆตามพระวจนะ เลิกวิพากษ์วิจารตามอย่างคนในโลก

          ข้อ 2 เหมือนน้ำมันประเสริฐอยู่บนศีรษะไหลอาบลงมาบนหนวดเครา   บนหนวดเคราของอาโรน พระเจ้าทรงใช้น้ำมันเป็นสัญลักษณ์ ในการเจิมแต่งตั้งแต่ละตำแหน่งและห้ามก้าวก่ายกัน ไม่ว่าจะมีตำแหน่งสูงกว่า ฉะนั้นการเจิมนำมาซึ่งความชื่นชมยินดี ในหน้าที่ การนมัสการ ที่ออกมาจากจิตวิญญาณ

          ข้อ 3 เหมือนน้ำค้างของภูเขาเฮอร์โมน   ซึ่งตกลงบนเทือกเขาศิโยน    เพราะว่าพระเจ้าทรงบังคับบัญชา   พระพรที่นั่น  คือชีวิตจำเริญเป็นนิตย์  เป็นภาพเปรียบให้เห็นเมื่อเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเป็นพระพรที่ไหลจากภูเขาเฮอร์โมน(ที่สูง) ลงมาเลี้ยงดูเยรูซาเล็ม อยู่เสมอ พระเจ้าทรงบังคับพระพรที่นั่น ชีวิตจำเริญขึ้นเมื่อเป็นหนึ่งเดียวกัน   โดยที่ไม่ใช่ว่าเราจะเห็นด้วยทุกอย่างแต่ต้องรู้ว่าเราในฐานะอะไรหรือไม่ใช่หน้าที่ เราทำได้สิ่งหนึ่งคือ อธิษฐาน ห้ามตัดสิน  ไม่ต้องวิพากวิจารหรือลุกขึ้นประท้วง และมอบไว้ที่พระเจ้าเพียงผู้เดียวให้เชื่อในถ้อยคำแล้วชีวิตจะจำเริญเป็นนิตย์ รับการเลี้ยงดูจากพระเจ้าที่ไหลจำภูเขาเฮอร์โมน

พระเจ้าไม่สามารถอวยพรในท่ามกลางความแตกแยก ท่ามกลางการนินทา  เมื่อเราอวยพรเราจะได้รับพร เมื่อเราด่าว่า สาปแช่งก็จะไม่ได้รับพระพร.

………….ขอพระเจ้าทรงอวยพร