เอเฟซัส 2:10
*พระวจนะของพระเจ้าได้บอกให้เรารู้ว่า “การทำความดี” เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากต่อชีวิตคริสเตียน เรามักอ้างพระธรรม อฟ.2:8-9 คือรอดไม่ใช่ด้วยการทำดี แต่ในพระธรรมตอนนี้ยังมีต่อคือ
อฟ.2:10 ” เพราะว่าเราเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ ที่ทรงสร้างขึ้นในพระเยซูคริสต์เพื่อให้ประกอบการดี ซึ่งพระเจ้าได้ทรงดำริไว้ล่วงหน้าเพื่อให้เรากระทำ…”
ดังนั้นเรายังแยกจากการทำดีไม่ได้ คริสเตียนควรเห็นคุณค่าของการทำความดีเพราะ …
- เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า ที่ให้เราทำดี
เอเฟซัส 2:10 “…10 เพราะว่าเราเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ ที่ทรงสร้างขึ้นในพระเยซูคริสต์เพื่อให้ประกอบการดี ซึ่งพระเจ้าได้ทรงดำริไว้ล่วงหน้าเพื่อให้เรากระทำ…”
คริสเตียนควรทำดี เพื่อคนอื่นจะได้สรรเสริญพระเจ้าของเรา (มัทธิว 5:16) และเพราะพระเจ้าประเสริฐ เราจึงควรทำสิ่งที่ประเสริฐสิ่งที่ดีเหมือนกับพระองค์ด้วย การทำคุณงามความดีของคริสเตียนทำให้คนอื่นเห็นพระเจ้าในตัวเรา และมาตรฐานของเราต้องดีมากกว่าคนที่ไม่เป็นคริสเตียน
2 . ทำให้บรรลุจิตสำนึกขั้นสูง = คุณธรรม
2 เปโตร 1:5 “…5 เพราะเหตุนี้เอง ท่านจงอุตส่าห์จนสุดกำลังที่จะเอาคุณธรรมเพิ่มความเชื่อ เอาความรู้เพิ่มคุณธรรม…”
คุณธรรม คือ ความดีที่ส่ำสมไว้ภายในจนตกผลึกเป็นจิตสำนึกชั้นสูง และพร้อมที่จะหลั่งไหลออกมาในวินาทีที่เผชิญหน้ากับเหตุการณ์ /วิกฤตินั้นๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาคิดอีก…” ยกตัวอย่าง คุณ คริส เบญจกุล ช่วยคนที่รถเสียข้างทาง แต่ปรากฏว่าเขาโดนรถที่ขับมาชน เขาต้องพิการทางสมอง มีคนถามเขาว่า ถ้าวันนั้นรู้ว่าถ้าไปช่วยแล้วจะโดนรถชนและเป็นแบบนี้จะยังลงไปช่วยหรือไม่ เขาตอบว่า ถ้าแม้เขารู้ เขาก็ยังช่วย นี่เป็นการแสดงออกถึงคุณธรรม ไม่ใช่แค่ความดี แต่มากกว่าความดี หรือ ตัวอย่างในพระคัมภีร์ ได้แก่เรื่อง “ชาวสมาเรียใจดี”
มีตัวอย่างที่พูดถึงท่าทีการตอบสนองของคริสเตียน เพื่อคุณค่าการทำดี คริสเตียนอย่าหยุดแค่การทำความดี แต่ให้ทำดีกว่านั้นอีก คือ ถึงขั้นคุณธรรม คุณธรรมขั้นสูงสุด ซึ่งต้องฝึกหัด เช่น มัทธิว 5:11-12 ; มัทธิว 5:39 ; มัทธิว 5:40 ; มัทธิว 5:4 ; มัทธิว 5:43-44 ; มัทธิว 5:45 ; มัทธิว 5:48
- เพื่อรับพระพรปัจจุบัน = กฎของการหว่านและเก็บเกี่ยว
เราหว่านสิ่งใดก็ได้รับสิ่งนั้น เราควรเรียนรู้ที่จะเอาใจใส่ ความต้องการของผู้อื่น
กาลาเทีย 6:7 “…7 อย่าหลงเลย ท่านจะหลอกลวงพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าผู้ใดหว่านอะไรลง ก็จะเกี่ยวเก็บสิ่งนั้น…” ลูกา 6:38 ; สุภาษิต 21.13 ; มัทธิว 25:40
4.มาตรฐานการพิพากษาในอนาคต = บัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (Bema)
คริสเตียนไม่ถูกพิพากษาหน้าพระที่นั่งสีขาว แต่คริสเตียนจะต้องยืนต่อหน้าพระเจ้าเพี่อจะได้รับตามการกระทำของแต่ละคน
2 โครินธ์ 5:10 “…10 เพราะว่าจำเป็นที่เราทุกคนจะต้องปรากฏตัวที่หน้าบัลลังก์ของพระคริสต์(Judgement Seat of Christ – Bema) เพื่อทุกคนจะได้รับสมกับการที่ได้ประพฤติในร่างกายนี้ แล้วแต่จะดีหรือชั่ว…”
แน่นอน คริสเตียนไม่ต้องเข้าไปสู่การพิพากษาที่ “พระที่นั่งใหญ่สีขาว The Great White Throne” ที่หนังสือชีวิตจะเปิดออก ผู้ที่ไม่มีชื่อจดไว้ จะถูกพิพากษาให้ลงบึงไฟนรกตลอดไปเป็นนิตย์ (วิวรณ์ 20:11-12)
5.เพื่อรับบำเหน็จรางวัล = ตามการกระทำ
โรม 14:10-12 “…10 เพราะว่าเราทุกคนต้องยืนอยู่หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระเจ้า (Judgment Seat of Christ – Bema) 11 เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสว่า “เรามีชีวิตอยู่แน่นอนฉันใด ทุกคนจะคุกเข่ากราบเรา และทุกลิ้นจะสรรเสริญพระเจ้า” 12 ฉะนั้นเราทุกคนจะต้องทูลเรื่องราวของตัวเองต่อพระเจ้า…”
อย่าไปสวรรค์ แบบอย่างไรก็ได้ การทำความดีสำคัญ คุณจะใช้เวลาในโลกนี้อย่างไรบ้าง ควรเร่งทำความดีและการงานของพระเจ้าเพื่อเราจะสะสมบำเหน็จในสวรรค์
ขอพระเจ้าทรงอวยพรท่าน อาเมน