ข้อพระคัมภีร์หลัก ยอห์น 15:12
ในชีวิตของเราสิ่งหนึ่งที่เราควรรู้เกี่ยวกับพระเจ้า คือ ความรักของพระเจ้าที่มีต่อเราทั้งหลาย เป็นความรักที่คอยปกป้อง ดูแล ช่วยเหลือ และฉุดเราไว้เสมอเมื่อเราพลั้งพลาด บางครั้งอาจทำให้เราต้องเจ็บปวดมีรอยแผลบ้าง เพราะความพลาดพลั้งของเรา แต่พระองค์จะไม่ยอมให้เราหลุดจากมือที่แข็งแรงของพระองค์ที่คอยช่วยเหลือ หรือที่คอยฉุดรั้งเราไว้ ในสถานการณ์ต่างที่เข้ามา ถ้าเรายอมให้พระเจ้าจับมือเรา ช่วยเรา พระองค์จะไม่ยอมปล่อยมือเราให้หลุดเลย
ยอห์น 15.12 “…12 พระบัญญัติของเรา คือให้ท่านทั้งหลายรักกันเหมือนดังที่เราได้รักท่าน…”
นี่เป็นพระบัญชาเป็นคำสั่งของพระเจ้าที่มีพระประสงค์ให้เราทำตาม และเราสามารถทำได้ เพราะพระเจ้้าจะไม่ตรัสในสิ่งที่เราทำไม่ได้ คือ พระเจ้าให้เรารักกันและกัน เหมือนพระเจ้ารักเรา (เอเฟซัส 5.2) พระเจ้าปรารถนาให้รักกัน เพราะความรักต่อกันจะทำให้เราเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า ความรักของพระเจ้าหลั่งเข้ามาในเราทางพระวิญญาณ ถ้าปราศจากพระวิญญาณเราจะมีความรักของพระเจ้าไม่ได้เลย ความรักของพระเจ้าจะเข้ามาสู่เราได้ โดยการที่เราต้องยอมจำนนต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ คนที่เต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ คือ การที่คนหนึ่งคนใดที่ยอมให้พระเจ้าทำงานผ่านเราได้มากขึ้น คนที่เต็มล้นด้วยพระวิญญาณไม่ใช่คนที่ถูกเจิมล้มหลายครั้ง หรือการพูดภาษาแปลกๆ หรือ เจิมหัวเราะ เหล่านี้เป็นอาการ ไม่ใช่การเต็มล้นด้วยพระวิญญาณ คนที่เต็มล้นคือคนที่ยอมจำนนให้พระวิญญาณทำงานผ่าน *ความจริงแห่งพระวจนะของพระเจ้า ได้บอกให้เราสร้างชีวิตของเราด้วยความรักของพระเจ้า ที่มีลักษณะอย่างน้อย 3 ประการ ดังต่อไปนี้
หนึ่ง ไม่ได้รักด้วยคำพูดหรือปากแต่รักด้วยการกระทำ
1 ยอห์น 3.18 “…18 ลูกทั้งหลายเอ๋ย อย่าให้เรารักกันด้วยคำพูดและด้วยปากเท่านั้น แต่จงรักกันด้วยการกระทำ
พระเยซูเป็นแบบอย่างให้เราในด้านความรัก ความจริงแห่งความรักของพระเยซู คือ พระองค์ไม่ได้รอให้เรา…มาสรรเสริญ หรือรักพระองค์ก่อน แต่พระองค์รักเรา ขณะเมื่อเรายังขาดกำลัง ขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น ขณะที่เรายังเป็นศัตรูต่อพระเจ้า (โรม 5.6-8, ยอห์น 15.13) ความรักที่สูงคือยอมตายเพื่อคนที่รัก แต่ความรักที่สูงกว่าคือ การตายแทนคนที่ไม่รักเรา การตายแทนศัตรู พระเยซูได้ทรงสำแดงความรักที่สูงสุดแก่เรา คือ การตายแทนศัตรูและเรียกศัตรูว่าเพื่อน พระเยซูเป็นแบบอย่างแก่เราแม้คนที่ทำให้พระองค์เจ็บปวด แต่พระองค์ยังได้สำแดงความรักแก่คนเหล่านั้น เราก็ควรแสดงความรักต่อคนที่ทำให้เราเจ็บปวดให้ได้เช่นกัน (1 ยอห์น 3.16) ถ้าเรามีท่าทีที่สร้างชีวิตบนความรักของพระเจ้า อะไรก็ดูเป็นสิ่งเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็น คำนินทา คำตำหนิติเตียน คำวิพากวิจารณ์ การถูกใส่ร้าย การถูกเอาเปรียบ เหล่านี้จะเป็นสิ่งเล็กน้อย ขอให้พระเจ้าเข้ามาช่วยเราที่เราจะรักคนอื่นได้โดยพระคุณ (ฟิลิปปี 4.13)
สอง เป็นความรักที่เสริมสร้างขึ้น
สุภาษิต 3.12 “…12 เพราะพระเจ้าทรงตักเตือนผู้ที่พระองค์ทรงรัก ดังบิดาตักเตือนบุตรผู้ที่เขาปีติชื่นชม…”
*ความรักที่เสริมสร้างขึ้นแบบพระเจ้า เป็นความรักที่มีแสดงออกอย่างไร?
2.1 รักที่เสริมสร้างขึ้นเป็นรักที่ต้องมีการตักเตือน/ลงวินัย อาจผ่านผู้นำของคริสตจักร เหนือพี่เลี้ยง เพื่อปรับปรุงเรา เป็นเหมือนป้ายบอกทาง เพื่อบอกทางไม่ให้เป็นอันตราย(ฮีบรู 12.6-8)
2.2 รักที่เสริมสร้างขึ้นเป็นรักที่ครอบงำความผิดพลาด
(สุภาษิต 10.12) รักที่เสริมสร้างคือทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กให้หายไป เพื่อให้โอกาสกับคนที่ผิดพลาดได้ลุกขึ้นมาใหม่
2.3 รักที่เสริมสร้างขึ้นเป็นรักไม่จดจำความผิด
ไม่ขุ้ยเขี่ยความผิดของผู้อื่น (1 โครินธ์ 13.5)
2.4 รักที่เสริมสร้างขึ้นเป็นรักไม่ทำอันตรายเพื่อนบ้านเลย
(โรม 13.10) เป็นมิตร ทำให้คนสามารถอยากเข้าหา
สาม เป็นความรักที่สามารถรักแม้กระทั่งศัตรู
*เราควรรักศัตรูโดยการทำดีต่อเขาอย่างไร? คำตอบ 3 อ.ได้แก่ 3.1 อวยพรเขา (ลูกา 6.27-30 ) 3.2 อธิษฐานเพื่อเขา (มัทธิว 5.44-45) อยากให้คนอื่นเป็นอย่างไร เราต้องพูดสิ่งนั้น แม้จะตรงกันข้าม อธิษฐานขอให้เราเข้าใจผู้อื่น เพื่อจะสามารถช่วยเหลือเขาได้ 3.3 อย่า….เอาคืน ( ลูกา 6:31,35 )อย่าตอบแทนเขาแบบที่เขาทำกับเรา
“… ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้…” (1 โครินธ์ 13.4) ให้เราอดทนต่อคนที่อยู่รอบข้างเรา
ขอพระเจ้าทรงอวยพรท่าน อาเมน
(ศศกร กลิ่นส่ง ผู้สรุปคำเทศนา)