(มัทธิว 4:4,11,23,24 ,ลก.21:8)
“4พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “ระวังให้ดี อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านให้หลง…… 25ดูเถิด เราได้กล่าวเตือนท่านทั้งหลายไว้ก่อนแล้ว”
(ลก.21:8) “8พระองค์จึงตรัสว่า “ระวังให้ดี อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านให้หลง ด้วยว่าจะมีหลายคนมา ต่างอ้างนามของเราและว่า ‘เราเป็นผู้นั้น’ และว่า ‘เวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว’ อย่าตามเขาไปเลย”
ในยุคสุดท้ายนี้ พระวจนะของพระเยซูคริสต์ได้เตือนสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ต้องเกิดขึ้นมากมายและเกิดขึ้นจริงแล้วในยุคนี้ ซึ่งหาอ่านจากพระคัมภีร์ และใบปลิวหรือหนังสือของอ.นิกร สิทธิจริยาภรณ์ ได้ แต่วันนี้เราจะเข้าหนึ่งประเด็นที่สำคัญที่เราทุกคนผู้เชื่อควรระวัง ในเรื่องอื่น ๆนั้น พระเยซูคริสต์ทรงเตือนว่าจะเกิดขึ้น แต่เรื่องนี้พระองค์ทรงเตือน 2-3 ครั้ง คือ
“ระวังให้ดี อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านให้หลง…และทั้งหมดที่กล่าวข้างต้น และทรงจบด้วยว่า “เราได้เตือนท่านแล้ว”
ทรงเน้นถึงผู้ล่อลวง พวกเขาเหล่านี้อาจมาในนามของพระคริสต์ เป็นผู้เผยพระวจนะปลอม หรือมากับหมายสำคัญและการอัศจรรย์ อ้างตัวเป็นคนสำคัญที่สามารถปลดปล่อย มีคำเผยพระวจนะปลอม หรือแย่ที่สุดคืออ้างว่าเป็นพระคริสต์เสียเอง มีจุดมุ่งหมายเพื่อล่อลวงเราซึ่งโดยเฉพาะคริสเตียน หรือผู้ที่ถูกเลือกสรรให้หลงทางจากพระคริสต์ และลงไปนรกเป็นเพื่อนมัน สังเกตุได้ง่ายคือ อะไรก็ตามที่ทำให้เราห่างจากพระเจ้า ทำให้ไม่มีเวลาให้พระองค์ ห่างจากโบสถ์และการนมัสการ ห่างจากพี่น้อง สุดท้ายก็จะไม่เชื่อฟังและปฎิเสธพระองค์ในที่สุด
แน่นอนคนที่อยู่เบื้องหลังของผู้ล่อลวงที่เราต้องต่อสู้ก็คือ ซาตาน และเหล่าวิญญาณชั่วสมุนของมัน (อฟ.6:10-12) มันมีกลอุบายที่แยบยลที่จะหลอกล่อทำให้ไม่รู้สึกตัว แนบเนียน โดยไร้รูปแบบ บางครั้งใช้วิธีการและพระคำเหมือนมาจากพระเจ้าทำให้คริสเตียนหลงเชื่อ ที่สามารถเกี่ยวคนลงนรก แต่งานของพระเจ้านำพาคนขึ้นสวรรค์ ซึ่งเราต้องหันกลับมาพิจารณาดูตัวเองว่าอะไรที่เป็นสิ่งที่ทำให้กิจกรรมของเราที่มีต่อพระเจ้าในฝ่ายวิญญาณลดลงเรื่อย ๆ และค่อย ๆห่างออกไปจนในที่สุด ตย.เช่น มีหลายคนที่ห่างเริ่มไม่มาโบสถ์แล้วอ้างว่าพระเจ้าอยู่ที่ใจ ขอทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ก่อน สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย
ทำไมเราจึงต้องถูกหลอก และอะไรคือสิ่งที่ทำให้เราถูกหลอก ? เพราะเราต่างมีบาป และกิเลสตัณหาที่ซ่อนอยู่ จึงเป็นเหตุที่เราถูกหลอกลวงได้ มนุษย์ไม่สามารถปฎิเสธความอยากแม้แต่คริสเตียน หรือผู้ที่ถูกเลือกสรรแล้ว บาป มีอิทธิพลต่อการล่อลวงเราให้หลง
ความบาปที่ 1. เกียรติยศ ชื่อเสียง ความทะเยอทะยาน ความต้องการเป็นผู้ยิ่งใหญ่ และเป็นพระเจ้าเสียเอง มีคำพูดของรูซีเฟอร์ซึ่งเป็นฑูตสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ รองจากพระเจ้า รูปงาม มีฉายาว่า “เจ้าชายแห่งรุ่งอรุณ” ได้กล่าวไว้ว่า
“13เจ้ารำพึงในใจของเจ้าว่า ‘ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์ เหนือดวงดาวทั้งหลายของพระเจ้า ข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้า ณ ที่สูงนั้น … 14ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆ ข้าจะกระทำตัวของข้าเหมือนองค์ผู้สูงสุด’ (อสย.14:13-14)
เหล่านี้ถ้ามีเข้ามาในชีวิตของเรา การตอบสนองของเรานั้นสำคัญ เพราะถ้าเราคิดว่านี่เป็นของเรา และเราทำ เราเก่ง นั่นคือสัญญาณเตือนที่เราจะหลงทางและพาไปสู่ความพินาศ ตย.เช่น พระเจ้าประทานให้กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ครอบครองราชอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ วันหนึ่งเขาได้ขึ้นไปบนดาดฟ้า และมองลงไปและตรัสว่า “นี่คือกิจการของเรา ไม่ใช่เราหรอกหรือที่สร้างมันขึ้นมา” พระเจ้าก็ได้เหยียดเขาให้ตกต่ำลงจนเกือบเป็นบ้า ฟั่นเฟือน นอนกินอยู่กับสัตว์และมีชีวิตคล้ายสัตว์ อยู่ 7 ปี เมื่อเขาหายเขาแหงนหน้าดูท้องฟ้าและกลับใจใหม่ อธิษฐานต่อพระเจ้าด้วยการถ่อมใจและยำเกรงพระเจ้า เขาก็ได้ครอบครองเมืองต่อไป จงจำไว้ความเย่อหยิ่งจองหองเป็นบาปที่พระเจ้าทรงต่อสู้ รูซิเฟอร์ แค่คิดพระเจ้ารู้ เขาก็ถูกขับลงมาจากสวรรค์ เขามักเรียกตัวเองด้วยความหยิ่งว่า ข้าจะ, ข้าเก่ง ส่วนคนสร้างหอบาเบล ก็จะกล่าวว่า เราจะสร้าง, เราเก่ง, เพื่อเรา ซึ่งเหล่านี้ควรไม่ให้มันเกิดขึ้นกับตัวเรา ถ้าพระเจ้าอวยพรเราในด้านใดให้ขอบคุณพระเจ้าและยำเกรง ถ่อมใจ ยกและถวายเกียรติแด่พระองค์ผู้สูงสุด แล้วท่านจะได้รับพร และครอบครอง
ความบาปที่ 2. ความอยากเป็นเหมือนพระเจ้า ฉลาดและมีสติปัญญา ความเป็นอธิปไตย ไม่ขึ้นตรงต่อใคร การเป็นอิสระจากกฎและสิทธิอำนาจของใคร จาก ปฐก.3:5-6 ซึ่งมารได้ตั้งคำถามกับเอวา แล้วหลอกให้กินผลไม้รู้ดีรู้ชั่ว ซึ่งเอวามีความบาปที่ซ่อนอยู่คือ อยากรู้ อยากมีปัญญา จะได้ตาสว่าง อยากเป็นเหมือนพระเจ้า จึงกินและส่งผลไม้รู้ดีรู้ชั่วนั้นให้อาดัม ความบาปก็เกิดขึ้นตกทอดชั่วลูกชั่วหลานมาจนถึงปัจจุบัน สิ่งที่พระเจ้าปรารถนาให้เราเป็นเหมือนพระองค์คือพระลักษณะที่บริสุทธิ์ เที่ยงธรรม และความรัก ไม่ใช่ความเป็นอธิปไตย สิทธิ์ขาดอยู่ที่พระองค์ และเราควรยอมจำนนต่อพระเจ้าตามการสร้าง การปกครอง ในกลุ่มและชุมชนนั้นๆ อย่าให้มารใช้ความบาปนี้ล่อลวงเราได้
ความบาปที่ 3. กิเลสตัณหาเนื้อหนังของเรา ที่มีผลต่อประสาทสัมผัสทั้ง 5 มีคนมากมายถูกหลอกจากความต้องการ หรือจุดอ่อน ในการอยากเหล่านี้
1ยน.2:15-17 “15อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก ถ้าผู้ใดรักโลก ความรักต่อพระบิดาไม่ได้อยู่ในผู้นั้น 16เพราะว่าสารพัดซึ่งมีอยู่ในโลก คือตัณหาของเนื้อหนังและตัณหาของตา และความทะนงในลาภยศไม่ได้เกิดมาจากพระบิดา แต่เกิดมาจากโลก 17และโลกกับสิ่งที่ยั่วยวนของโลกกำลังล่วงไป แต่ผู้ที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าจะดำรงอยู่เป็นนิตย์”
และยก.1:13-15 …กิเลสตัณหาเราล่อเราให้หลงนำไปสู่ความบาปและความตาย
ความบาปที่ 4. การตัดสินใจของเรา ที่ไม่มีการปรึกษา โดยเฉพาะปรึกษาพระเจ้านั้น อาจทำให้เราถูกหลอกและล่อลวงให้หลงได้ ตย.ในโยชูวาบทที่ 9 โยชูวาถูกหลอกโดยชาวกิเบโอน ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 จากการมองเห็นตามรูปลักษณ์ ข้อมูลที่มองเห็นรับรู้ เลยทำพันธสัญญาโดยนามของพระเจ้า แต่ไม่มีการปรึกษาพระเจ้า ทำให้โยชูวาทำผิดต่อพระเจ้าในการไม่เชื่อฟัง
สรุปว่า โดยพระเจ้าเราทำได้ทุกสิ่ง ถ้าปราศจากพระเจ้าเราจะทำอะไรไม่ได้เลย ขอให้พระองค์ทรงช่วยเตือนสติเรา ที่จะไม่มีความเย่อหยิ่ง และความอยากที่จะเป็นอธิปไตย อิสระ ไม่ขึ้นตรงต่อใคร รวมถึงการปล่อยให้ตัณหาของเนื้อหนังของเรา และการตัดสินใจของเราโดยปราศจากการปรึกษาและคำแนะนำจากพระเจ้า แยกและล่อลวงเราให้หลงไปจากทางของพระองค์เลย ขอที่เราจะเป็นคนที่ถ่อมใจ ยำเกรง และเชื่อฟังพระเจ้าสูงสุดในชีวิตของเรา อาเมน