ฮีบรู 10:23-25
ในฮีบรูได้เน้นเรื่ององค์พระเยซู ทรงทำอะไรมากมายให้กับเราเพื่อเราจะได้ดำเนินชีวิตตามความหวังที่ได้เชื่อ
ข้อ 23 ขอให้เรายึดมั่นในความหวังที่เราทั้งหลายเชื่อและรับไว้นั้น โดยไม่หวั่นไหว เพราะว่าพระองค์ผู้ทรงประทานพระสัญญานั้นทรงสัตย์ซื่อ ผู้ที่เชื่อว่าพระเยซูทำเพื่อเราแล้ว ดำเนินตามความหวังนั้นซึ่งอาจจะยังไม่เกิดขึ้นจริง พูดด้วยความเชื่อ ด้วยการประกาศถ้อยคำด้วยตัวเราเอง และยึดมั่นในความหวัง ไม่ใช่สิ่งที่เห็น แต่ตามที่พระเจ้าตรัสมีฤทธิ์เดชในขณะที่ประกาศถ้อยคำนั้น เมื่อมีความมั่นใจก็กล้าเพราะพระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ(ฮบ.3:6,14)แต่พระคริสต์นั้นทรงซื่อสัตย์ในฐานะพระบุตร ที่ทรงอำนาจเหนือชุมนุมชนอันเป็นครอบครัวของพระเจ้า และเราทั้งหลายเป็นครอบครัวนั้นแหละ หากเราจะยึดความกล้าหาญและความภูมิใจในความหวังนั้นไว้ เพราะเรามีส่วนร่วมกับพระคริสต์ ถ้าเราเพียงแต่ยึดความไว้วางใจที่เรามีอยู่ ในตอนต้นไว้ให้มั่นคงจนถึงที่สุด
โดยยึดพระเจ้าเป็นหลักมิใช่ทางเลือกหนึ่ง
ฮบ.3:11ตามที่เราปฏิญาณด้วยความพิโรธว่า “เขาจะไม่ได้เข้าสู่การพำนักซึ่งเราจัดให้”
ยึดมั่นในสิ่งที่เชื่อไม่ขึ้นกับสถานการณ์หรือยิ่งอธิษฐานสถานการณ์ยิ่งแย่ลงเราคงยึดมั่นไม่ขึ้นกับความรู้สึกของเราแต่ต้องให้พระเจ้าเป็นคำตอบอย่างเดียวโดยไม่หวั่นไหว
ความสัตย์ของพระเจ้าไม่เหมือนความสัตย์ซื่อของมนุษย์
ฉธบ.7:9 เหตุฉะนี้พึงทราบเถิดว่า พระเยโฮวาห์พระเจ้าของพวกท่านเป็นพระเจ้า เป็นพระเจ้าสัตย์ซื่อผู้ทรงรักษาพันธสัญญาและความรักมั่นคง ต่อบรรดาผู้ที่รักพระองค์และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ ถึงพันชั่วอายุคน เราไว้วางใจพระเจ้าตลอดชีวิตและพันชั่วอายุคน
และถ้าพ่อแม่เราสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าลูกหลานก็รับพระพร หรือถ้าเราเป็นรุ่นแรกลูกหลานเราก็รับพระพรทั้งสิ้น เพียงท่านสัตย์ซื่อในถ้อยคำพระเจ้า ยึดมั่นเรียนรู้ปฎิบัติในถ้อยคำ ท่านก็จะเห็นผลที่จะเกิดกับลูกหลานแน่นอน
ยก.1:6 แต่จงให้ผู้นั้นทูลขอด้วยความเชื่อ อย่าสงสัยเลย เพราะว่าผู้ที่สงสัยเป็นเหมือนคลื่นในทะเลซึ่งถูกลมพัดซัดไปมา
ข้อ24-25 เมื่อเรามีชีวิตใหม่ดำเนินตามความหวัง เราต้องเป็นคนที่ปลุกใจกันให้มีความรัก และทำความดี
ข้อ 25 อย่าขาดการประชุมเหมือนอย่างบางคนที่ขาดเป็นนิสัย แต่เป็นคนที่พูดกับคนอื่นให้เกิดกำลังใจ ปลุกใจกันให้ทำความดีด้วยการที่เราสะสมถ้อยคำของพระเจ้าเพราะพระคัมภีร์มีแต่คำที่ดีหนุนใจทั้งสิ้นและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้าและมนุษย์ พระเจ้าปรารถนาให้เราเป็น
กท.5:6,11 เพราะว่าในพระเยซูคริสต์นั้น การที่รับพิธีเข้าสุหนัตหรือไม่รับก็หาเกิดประโยชน์อันใดไม่ แต่ความเชื่อซึ่งแสดงออกเป็นกิจที่ทำด้วยความรักนั้นสำคัญ
ดูก่อน พี่น้องทั้งหลาย ถ้าข้าพเจ้ายังเทศนาชักชวนให้รับพิธีเข้าสุหนัต เหตุใดข้าพเจ้าจึงยังถูกข่มเหงอยู่อีกเล่า ถ้าเช่นนั้น กางเขนก็ไม่ใช่สิ่งที่ให้สะดุดแล้ว และ หนุนใจแบบ กท.5:22
วันนี้ไม่ว่าท่านจะเผชิญสถานการณ์อย่างไร รม8:38เพราะข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า แม้ความตาย หรือชีวิต หรือบรรดาทูตสวรรค์ หรือเทพเจ้า หรือสิ่งซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันนี้ หรือสิ่งซึ่งจะมีในภายหน้า หรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย รู้ไว้ว่าพระเจ้าทรงรัก ฟป.1:9,1ยน.1:18 ความรักของพระเจ้าอยู่ในเราไม่ว่าเราทำอะไรเราจะทำด้วยความรัก ให้ความรักขับเคลื่อนในชีวิต ในการทำงานร่วมกับผู้อื่น ความรักเป็นแรงขับเคลื่อนในชีวิตทุกอย่าง โดยเฉพาะคนของพระเจ้า
ทิตัส 3:8 คำนี้เป็นคำจริง ข้าพเจ้าปรารถนาให้ท่านเน้นเรื่องเหล่านี้ เพื่อคนทั้งหลายที่เชื่อในพระเจ้าแล้วจะได้อุตส่าห์กระทำการดี(หรือ เลี้ยงชีพชอบ) การเหล่านี้ดีและเป็นประโยชน์แก่คนทั้งปวง พระเจ้าปรารถนาให้เรามีชีวิตแบบนี้ จงกำชับให้เขากระทำดี ให้กระทำดีมากๆ ให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และไม่เห็นแก่ตัว 1ทธ6:18 เราจะเห็นสิ่งเหล่านี้เมื่อเราดำเนินตามความหวังถ
อย่าขาดการประชุมอย่างบางคนที่ขาดอยู่เป็นนิสัย ดูจากคลิปVCD ฝูงเป็ดเดินในถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เป็นที่ๆไม่สมควรอยู่วันนี้พวกเขาอาจจะรอดจากถูกรถชนแต่วันหนึ่งอาจจะไม่รอด เช่นเดียวกับคต.วันอาทิตย์เป็นวันที่ควรนมัสการที่คจ.แต่ไม่มาและเมื่อขาดครั้งแรกก็จะมีครั้งต่อๆไปและขาดจนเป็นปกติ ชีวิตในพระเจ้าก็ถดถอยลง การที่เราจะมาคจ.หรือไม่ก็มิได้ทำให้พระเจ้าหมดความเป็นพระเจ้าแต่เพื่อตัวท่านเอง ให้เรียนรู้ในพระเจ้า มีชีวิตที่อุทิศเพื่อพระเจ้า (กจ.1:14,2:42) มิใช่ต้องต่อสู้กับตัวเองในการมาคจ. ให้ดำเนินชีวิตตามความหวังกับพระเจ้า…