ข้อพระคัมภีร์หลัก​     มัทธิว 16:13-19

มีความสำคัญมากที่เราจะต้องเรียนรู้ว่าพระเยซูคือใคร? และการยอมรับพระเยซูว่าเป็นพระคริสต์จะนำมาซึ่งการเปิดเผยสำแดง และ การเกิดผลมากในชีวิตของเรา

พระคัมภีร์ได้บอกให้เรารู้ว่า ผู้ที่เชื่อในพระเจ้าจะมีชีวิตที่เกิดผลได้ เมื่อยอมรับความจริง 4 ประการ โดยคำเทศนาในสัปดาห์นี้ จะกล่าวถึงสองประการแรกก่อน ประการแรก เราต้องยอมรับว่า…

หนึ่ง  พระเยซูทรงเป็นพระคริสต์

ใน มัทธิว 16:16 “…ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า “พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์…”

ภาษากรีก “พระคริสต์ Christ” =  ภาษาฮีบรู “พระมาซีฮา Messiah”  คือ พระผู้ไถ่ที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้กับพวกยิวและมวลมนุษย์ชาต

การยอมรับพระเยซูว่าทรงเป็นพระคริสต์นำการเปิดเผยสำแดงมาสู่ชีวิตผู้นั้น มีความจริงที่ผู้ต้องการการบังเกิดใหม่ฝ่ายวิญญาณจะต้องยอมรับก่อน ดังนี้ว่า 1.1) มนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป (รม. 3:23)  1.2) มนุษย์เป็นคนบาป จะต้องถูกพิพากษาในบึงไฟนรก (ฮบ. 9:27)  1.3) มนุษย์ช่วยตนเองให้หลุดพ้นจากบาปไม่ได้ (รม. 3:26)  1.4) ไม่มีสิ่งใดช่วยมนุษย ์ให้หลุดพ้นจากความบาปได้ (อฟ. 2:9-10)  1.5) แต่มนุษย์จะหลุดพ้นบาปได้  โดยทรงพระคุณของพระเจ้าเท่านั้น (อฟ. 2:9-10)

ประการที่สองที่เราต้องยอมรับเพื่อการเกิดผลมากในเรา คือ …

สอง พระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า

มัทธิว 16:16 “…ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า “พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้า…”

พระเยซูมักเรียกตัวเองว่า “บุตรมนุษย์ และเรียกว่าพระเจ้าว่า”พระบิดา” ทำให้คนเข้าใจว่า พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า

ยอห์น 5:18 “…เหตุฉะนั้นพวกยิวยิ่งแสวงโอกาสที่จะฆ่าพระองค์ มิใช่เพราะพระองค์ล่วงกฏวันสะบาโตเท่านั้น แต่ยังได้เรียกพระเจ้าว่า เป็นบิดาของตนด้วย ซึ่งเป็นการกระทำตนเสมอกับพระเจ้า…”

คนยิวถือว่าการกล่าวเช่นนี้ เป็นการตีตัวเสมอเหมือนพระเจ้า

ในพระคัมภีร์มีบันทึกบรรดาคำพยานที่สำแดงให้เห็นว่า พระเยซู คือ พระเจ้า (กระทำตนเสมอ/เท่าเทียมกับพระเจ้า)

ตัวอย่างบรรดาคำสอนของพระเยซูและการกระทำของพระองค์ต่อไปนี้ ทำให้คนเข้าใจว่า พระองค์เป็นพระเจ้า ทั้งที่พระองค์ไม่เคยบอกว่าพระองค์เป็นพระเจ้าเลยสักครั้ง พระธรรมเหล่านี้ยืนยันว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า…

*ยน. 5:19-24 ได้กล่าวถึง การกระทำ(คือการอัศจรรย์ที่ทรงกระทำ)

*ยน. 5:26-27 ได้กล่าวถึง สิทธิอำนาจอันยิ่งใหญ่

*ยน. 5:31-33  ได้กล่าวถึง คำพยานของยอห์นผู้ให้บัพติศมา

*ยน. 5:36         ได้กล่าวถึง งานที่พระองค์ทรงทำ

*ยน. 5:37-38 ได้กล่าวถึง การยืนยันโดยพระสุรเสียงหรือพระดำรัสของพระเจ้า

*ยน. 5:45-47 ได้กล่าวถึง โมเสสและพระคัมภีร์เดิม (5 เล่มแรก)

พระประสงค์และแผนการที่พระเจ้าทรงมีไว้สำหรับคริสตจักร คือ คริสตจักรใดที่ยอมรับพระเยซู คริสตจักรนั้นจะมีชัยชนะ  คำว่า “พระผู้เป็นเจ้า(ของ)” = เจ้านาย = เจ้าชีวิต =การยอมจำนนอย่างสิ้นเชิง

เจ้าชีวิต คือ ผู้ที่มีอำนาจเหนือชีวิตของเรา สั่งเราอย่างไรเราต้องทำอย่างนั้น ปฏิเสธ หรือขัดขืนไม่ทำตามไม่ได้  จะใช้คำว่า “ไม่ได้” ไม่ได้ พระเจ้าต้องการให้เรายอมรับพระองค์ เป็นองค์จอมเจ้านายของเรา และให้เรายอมรับพระเยซูให้เป็นหนึ่งเดียวในชีวิตของเรา การยอมรับนี้ไม่เพียงแต่รับที่ปาก แต่จะต้องเกิดจากใจและสำแดงออกมาเป็นการกระทำในชีวิตประจำวัน ตัวอย่าง คนประเภทแรก : ….เรียกพระเยซูว่า จอมเจ้านาย แต่ไม่ปฏิบัติตามพระทัย มธ. 7:21-23 ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกพระเยซูเป็นพระเจ้า จะเข้าแผ่นดินสวรรค์ได้ แต่คนที่ปฏิบัติตามนำ้พระทัยพระเจ้าต่างหาก ที่จะเข้าแผ่นดินสวรรค์  กจ. 10:9-16 เมื่อเราเรียกพระเยซูเป็นเจ้านาย หรือองค์พระผู้เป็นเจ้า เขาจะไม่ตอบพระเจ้าว่า “ไม่ได้” ไม่ได้ เราจะตอบได้คำเดียวคือ “ได้” ไม่ว่าพระเจ้าจะพูดอะไรเขาต้องทำตาม : ….เปโตรเรียกพระเจ้าว่า จอมเจ้านาย แต่ไม่ปฏิบัติตามพระทัย กจ. 9:10-18 : ….อนาเนียเรียกพระเจ้าว่า จอมเจ้านาย และปฏิบัติตามพระทัย ตามที่พระเจ้าตรัสสั่ง แม้เขาและคนสมัยนั้นจะกลัวเซาโลก็ตาม

ถ้าคริสเตียนและคริสตจักรของพระเจ้าจะรับพระเยซูเป็นพระเจ้า เป็นเจ้าชีวิต ไม่ใช่ยอมรับแต่ปากเท่านั้น พวกเขาจะมีชัยชนะ

สรุป พระเจ้าวางแผนให้คริสตจักรของพระองค์มีชัยชนะ เป็นพระกายเดียวกันกับพระองค์และให้มีชัยชนะ แต่จะทำได้ เราต้อง ยอมรับ พระเยซูเป็นพระคริสต์ เป็นทางเดียว เป็นหนึ่งเดียวในชีวิตของเรา ให้พระองค์เป็นพระผู้เป็นเจ้าของเรา เป็นองค์จอมเจ้านายในชีวิตของเรา เมื่อพระองค์ตรัสเราจะบอกได้อย่างเดียว คือ “ได้” ให้้พระเจ้าเป็น“จอมเจ้านาย” อุทิศทั้งชีวิตให้กับพระเจ้า เปลี่ยนเป้าหมายตามน้ำพระทัย

ขอพระเจ้าทรงอวยพรท่าน อาเมน

(ศศกร กลิ่นส่ง ผู้สรุปคำเทศนา)