กาลาเทีย 6: 7-10
ในพระวจนะกล่าวว่ามีการเก็บเกี่ยวทั้งฝ่ายวิญญาณและฝ่ายเนื้อหนัง และในการหว่านฝ่ายจิตวิญญาณนั้นต้องมีการตัดสินใจ ทุกการหว่านจะเป็นสิ่งที่ดี หรือ ไม่ดี จะตั้งใจ หรือไม่ ต้องเก็บเกี่ยวทั้งสิ้น ฉะนั้นเมื่อจะหว่านอะไรควรคิดให้ดีก่อน
เมื่อเวลาเก็บเกี่ยวจะมีท่าทีอย่างไร สิ่งที่ต้องตระหนักไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอย่าโทษผู้อื่น แต่ควรหาที่ไปที่มาว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ตัวอย่างในพระวจนะของผู้ที่มีท่าทีการเก็บเกี่ยวผลใน 4 สถานการณ์
- ซาอูล ผู้ที่เกิดในเผ่าเบนจามิน เขาได้ทำบาปต่อพระเจ้าใน ขณะที่รับพระพรโดยที่เมื่อเขาได้รับการเจิมจากพระเจ้าให้เป็นกษัตริย์ เมื่อเริ่มต้นเป็นกษัตริย์เขาได้นมัสการพระเจ้า แสวงหาและติดสนิทกับพระเจ้า เป็นที่น่ายกย่องอย่างมากจนกระทั่งเขาเกิดความหยิ่งผยอง ทุกครั้งเมื่อจะออกรบเขาจะต้องทูลถามพระเจ้าโดยผ่านปุโรหิตซึ่งตอนนั้นคือซามูเอล แล้ววันหนึ่งเขาได้ทำการถวายเครี่องเผาบูชาทูลถามพระเจ้าเอง ( 1 ซมอ.13:9-15) ซามูเอลเห็นและถามซาอูลแต่ซาอูลกลับโทษซามูเอลว่ามาช้า อ้างว่าพวกทหารต้องออกรบแล้วรอไม่ไหวและไม่ยอมรับผิด
ประยุกต์ใช้ ทุกวันนี้ขณะที่ใครก็ตามที่รับพระพรมากลืมไปว่าทุกอย่างที่มีที่เป็นมาจากพระเจ้าและเย่อหยิ่งลืมตัวละเมิดกฎของพระเจ้า ในพระธรรม ยน.13กล่าวไว้ว่า ผู้ที่ยิ่งมีตำแหน่งยิ่งสูงยิ่งถ่อมใจมากต่างจากคนโนโลกยิ่งมีตำแหน่งสูงสิ่งที่ได้อยากมีอยากเป็นมากขึ้นๆ เช่นเดียวกับซาอูลไม่สามารถรับพระพรได้ยั่งยืนถาวร ในที่สุดพระเจ้ายึดกลับ พระพรของพระเจ้าโอนถ่ายได้ถ้าใครปฎิเสธพระองค์ก็มีผู้ที่จะรับต่อเสมอ
- อุสซียาห์ ( 2 พศด.26) เป็นกษัตริย์ที่อายุน้อย และมีชีวิตที่ติดสนิทกับพระเจ้า นมัสการพระเจ้าเข้มแข็งในพระเจ้า ในตอนแรกเพราะเขารู้ว่าทุกสิ่งมาจากพระเจ้า ข้อ 16-18แต่เมื่อพระองค์ทรงแข็งแรงแล้ว พระองค์ก็มีพระทัยผยองขึ้น จึงทรงกระทำความเสียหาย เพราะพระองค์ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์ และเข้าไปในพระวิหารของพระเจ้า เพื่อเผาเครื่องหอมบนแท่นเครื่องหอมแต่อาซาริยาห์ปุโรหิตได้เข้าไปติดตามพระองค์ พร้อมกับปุโรหิตของพระเจ้าแปดสิบคนผู้ซึ่งเก่งกล้า และเขาทั้งหลายได้ขัดขวางกษัตริย์อุสซียาห์ และทูลพระองค์ว่า “ข้าแต่อุสซียาห์มิใช่หน้าที่ของฝ่าพระบาท ที่จะเผาเครื่องหอมถวายแด่พระเจ้า แต่เป็นหน้าที่ของปุโรหิตบุตรหลานของอาโรน ผู้ซึ่งชำระไว้ให้บริสุทธิ์เพื่อเผาเครื่อง หอม ขอเชิญฝ่าพระบาทเสด็จออกไปจากสถานนมัสการนี้ เพราะฝ่าพระบาทได้ทรงล่วงเกิน และฝ่าพระบาทจะไม่ได้รับเกียรติอันใดจากพระเจ้าเลย” เขาได้ทำบาปในขณะที่เข้มแข็งอยู่ โดยที่มีผู้ทัดทานเตือนแต่ไม่กลับใจคิดว่าตนเป็นกษัตริย์ทำได้ทุกอย่างแถมยังโกรธคนอื่นที่มาเตือน ในที่สุดพระเจ้าลงโทษให้เขาเป็นโรคเรื้อน เช่นเดียวกับคนในโลกเมื่อมีอำนาจชอบที่จะละเมิดกฎ ไม่ยอมอยู่ใต้กฎ ในพระเจ้าไม่มีการละเมิดกฎไม่ว่าจะเป็นใครยิ่งใหญ่แค่ไหนพระเจ้าลงโทษทั้งนั้น และจะเห็นได้ว่า อุสซียาห์ได้ทำบาปในขณะที่เข้มแข็ง และ
นี่คือตัวอย่าง 2 คน ที่ได้ทำบาปในขณะที่รับพระพร ซาอูลชอบแก้ตัวโทษผู้อื่น อุสซียาห์ดื้อดึงหยิ่ง สุดท้ายทั้ง 2 ก็ต้องพินาศ
- คาอิน (ปฐก4) ผู้ซึ่งไม่เชื่อพระเจ้า (ฮบ.) ที่นำผลมาถวายพระเจ้าด้วยใจที่อยากชนะอาเบลอิจฉาที่พระเจ้าชมเชยน้องชายเขาๆไม่ได้ถวายอย่างถูกต้อง พระเจ้าดูที่ใจและรู้ทันคาอิน (ฮบ.10:16-17)ทำให้คาอินโกรธและทำบาปมากขึ้นไปอีกจนฆ่าอาเบล แทนที่เขาจะสำนึกและกลับใจ
ประยุกต์ใช้ พระเจ้าปรารถนาให้เรามีชีวิตที่บริสุทธิ์ เราต้องพิจารณาตนเองว่าสาเหตุที่แท้จริงมาจากอะไร อย่าพยายามหาแพะรับบาป หรือโทษพระเจ้า เพราะเมื่อหว่านอะไรลงไปทุกคนต้องเก็บเกี่ยวในชีวิตอย่างแน่นอน รวมถึงโรคต่างๆ (บางโรค) ที่เกิดขึ้นต่อร่างกายเป็นผลจากที่รับประทานอะไร และไม่เป็นเหมือนอย่างคาอินที่โทษสิ่งรอบข้าง
- ดาวิด ผู้ที่ทำบาปในขณะที่มีชิวิตที่สุขสบาย จะเห็นว่าทุกคนมีโอกาสทำบาปแม้ขณะเป็นเวลาที่สบายๆ หรือในเวลาทุกข์ได้ทั้งนั้น การพักผ่อนของดาวิดทำให้เขามีโอกาสที่จะเดินเล่นในวังและได้เห็นนางบัทเชบาเกิดกิเลสจนได้ล่วงประเวณีและได้ฆ่าสามี(อุรีอาห์)ทางอ้อม ของนาง พระเจ้าได้ส่งนาธันมาเตือน
(2ซมอ.12:13) ดาวิดจึงรับสั่งกับนาธันว่า “เรากระทำบาปต่อพระเจ้าแล้ว” และนาธันกราบทูลดาวิดว่า “พระเจ้าทรงให้อภัยบาปของฝ่าพระบาทแล้ว ฝ่าพระบาทจะไม่ถึงแก่มรณา
ดาวิดเชื่อฟังยอมและสารภาพบาปต่อพระเจ้า แต่ดาวิดก็ยังต้องเก็บเกี่ยวผลจากการล่วงประเวณีนี้คือข้อ13 อย่างไรก็ตาม เพราะฝ่าพระบาทได้เหยียดหยามพระเจ้าอย่าง ที่สุดด้วยการกระทำครั้งนี้ ราชบุตรที่จะประสูติมานั้นจะต้องสิ้นชีวิต”ลูกต้องตาย
ฉะนั้นมีสิ่งที่ดีและไม่ดีเกิดขึ้นตามมาแน่นอน เราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกว่าจะหว่านอะไรไป แต่ทุกคนไม่มีสิทธิ์เลือกที่จะเก็บเกี่ยวอะไร เพราะทุกคนต้องรับผลจากการหว่านทั้งสิ้น….ขอพระเจ้าอวยพร