เรื่องราวความรักหนึ่งที่น่าประทับใจ เป็นเรื่องความรักของหนุ่มวิศวกรคนหนึ่งทำงานอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ส่วนแฟนสาวทำงานที่เชียงใหม่ ในทุกๆวันหยุดสุดสัปดาห์เสาร์-อาทิตย์ หนุ่มจะต้องเดินทางขึ้นร่องไปหาสาวเจ้า เพื่อจะได้เห็นหน้า ได้พูดคุย ได้ใกล้ชิดกัน ได้ใช้เวลาร่วมกัน แม้จะเป็นช่วงสั้นๆ ต่อสัปดาห์ แต่เขาเต็มใจและมีความสุขมากที่ได้ทำเช่นนั้น เขาทำเช่นนี้เป็นประจำและสม่ำเสมอเป็นเวลาหลายปี แม้ระยะทางจะไกลกันเกือบหนึ่งพันกิโลเมตร แม้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางมากก็ตาม แต่ทั้งสองอย่างก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเขาเลย เขาไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย เขาทำเพราะเขาอยากทำและไม่รู้สึกเป็นภาระเลย ที่ทำเช่นนี้ได้ก็เพราะความรักที่มีอย่างท่วมท้นที่มีให้กับหญิงคนรักนั่นเอง เขาผ่านบทพิสูจน์ความรักที่มีต่อแฟนสาวของเขา และในที่สุดทั้คู่ก็ได้แต่งงานกัน
ในพระธรรม 1 ยอห์น 5: 3 กล่าวไว้ว่า “ 3เพราะนี่แหละเป็นความรักต่อพระเจ้า คือที่เราทั้งหลายประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ และพระบัญญัติของพระองค์นั้นไม่เป็นภาระ”
พระธรรมข้อนี้ข้าพเจ้าให้ชื่อว่า “บทพิสูจน์รัก” เมื่อเราเดินกับพระเจ้า เราบอกรักพระองค์ แต่เรายังรู้สึกว่าพระบัญญัติของพระองค์เป็นภาระไหม? หากเรายังรู้สึกว่าเป็นภาระ แสดงว่าเรายังไม่ผ่านบทพิสูจน์รักนี้ เรายังไม่ได้รักพระองค์เท่าที่ควรจะเป็น เพราะหากเรารักใครสักคนเราจะไม่รู้สึกว่าสิ่งที่เราให้เขาเป็นภาระแต่อย่างใด จริงไหมคะ? เมื่อเดินกับพระเจ้าแรกๆ ข้าพเจ้าเองก็เคยรู้สึกว่าเป็นภาระ ทำไมข้อห้ามเยอะจัง อันนี้ก็ทำไม่ได้ อันนั้นก็ทำไม่ได้ แต่ตอนนี้ข้าพเจ้าไม่รู้สึกเป็นภาระอีกต่อไป เมื่อข้าพเจ้าตัดสินใจบอกรักพระองค์ อนุญาตให้พระองค์ครอบครองทุกส่วนในเรา และเมื่อข้าพเจ้าได้รับการเปิดเผยสำแดงผ่านพระวจนของพระองค์มากขึ้นและมากขึ้น ความจริงในพระวจนะของพระองค์ได้ปลดปล่อยให้ข้าพเจ้าเป็นไท และไม่รู้สึกว่าการเดินกับพระองค์ไม่เป็นภาระอีกต่อไป แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและชื่นชมยินดีมากที่มีพระองค์เดินเคียงข้างทุกเวลา
แล้วคุณล่ะหลุดพ้นจากคำว่า “เป็นภาระ” แล้วหรือไม่? อนุญาตให้พระองค์ครอบครองพื้นที่ทั้งหมดในคุณแล้วหรือยัง? ขอสันติสุขของพระเจ้าคุ้มครองท่านไว้ในพระคริสต์ อาเมน